Custom Search

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เลโอนาร์โด ดาวินชี

เลโอนาร์โด ดาวินชี
ภาพเหมือนตนเอง 

 

       (Leonardo da Vinci) เป็นชาวอิตาลี (เกิดที่เมืองวินชี วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 1995 (ค.ศ. 1452) - เสียชีวิตที่เมืองออมบัวซ์ ในวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2062 (ค.ศ. 1519)) เป็นอัจฉริยบุคคลที่มีความสามารถหลากหลาย เป็นทั้ง สถาปนิกแบบเรอเนซองส์ นักดนตรี นักกายวิภาค นักประดิษฐ์ วิศวกร ประติมากร นักเรขาคณิต นักวาดภาพ. ดา วินชี มีงานศิลปะที่มีชื่อเสียงหลายชิ้น เช่น อาหารค่ำมื้อสุดท้าย (The Last Supper) และ โมนา ลิซ่า (Mona Lisa) งานของ ดา วินชี ยังสร้างคุณประโยชน์กับวิชากายวิภาคศาสตร์ ดาราศาสตร์ รวมถึงวิศวกรรมโยธา ด้วยความที่เป็นบุรุษที่มีจิตวิญญาณที่รักในศาสตร์หลายแขนง เลโอนาร์โดทำให้เกิดจิตวิญญาณของสหวิทยาการในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ และกลายเป็นบุคคลสำคัญของยุคนั้น 

           เลโอนาร์โด  เขาเกิดอยู่ห่างจากหมู่บ้านวินชี ในประเทศอิตาลี ไปราวสองกิโลเมตร บิดาชื่อนายแซร์ ปีเอโร ดา วินชี เป็นเจ้าพนักงานรับรองเอกสารของรัฐ มารดาชื่อคาตารีนา เป็นสาวชาวนา เคยมีคนอ้างว่านางคาตารีนาเป็นทาสสาวจากประเทศแถบตะวันออกในครอบครองของปีเอโร แต่ก็ไม่มีหลักฐานเด่นชัด

ในสมัยนั้นยังไม่มีมาตรฐานการเรียกชื่อและนามสกุลที่เป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายในทวีปยุโรป ทำให้ชื่อและนามสกุลของดา วินชี ที่แท้จริงคือ เลโอนาร์โด ดิ แซร์ ปีเอโร ดา วินชี ซึ่งหมายความว่า เลโอนาร์โด บุตรชายของปีเอโร แห่ง วินชี แต่เลโอนาร์โดเองก็มักจะลงลายเซ็นในงานของเขาอย่างง่ายๆว่า เลโอนาร์โด หรือไม่ก็ ข้าเอง เลโอนาร์โด เอกสารสำคัญส่วนใหญ่ระบุว่าผลงานของเขาเป็นของ เลโอนาร์โด โดยไม่มี ดา วินชี พ่วงท้าย ทำให้เข้าใจได้ว่าเขาไม่ได้ใช้นามสกุลของบิดาเนื่องจากเป็นบุตรนอกสมรสนั่นเอง

คนส่วนใหญ่รู้จัก เลโอนาร์โด ดาวินชี ว่าเป็นจิตรกรชาวอิตาเลียนที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลก แต่มีใครบ้างที่ทราบว่า ดาวินชีเป็นนักดนตรี นักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกด้วย

ดาวินชี สนใจวาดภาพเหมือนของสัตว์มาตั้งแต่เด็กและวาดได้เหมือนจริงมาก เขาเรียนวาดภาพกับแวร์รอชโช จิตรกรที่มีชื่อเสียงของอิตาลีในสมัยนั้น และวาดภาพได้งดงามมากจนครูต้องเลิกวาดภาพ

       วิธีการวาดภาพของดาวินชีแตกต่างจากคนอื่นคือ ก่อนที่จะลงมือวาด เขาจะศึกษาสิ่งที่จะวาดอย่างละเอียด ภาพที่ออกมาจึงดูเหมือนจริงราวกับไม่ใช่ภาพวาดดาวินชีนี่แหละเป็นคนออกแบบเฮลิคอปเตอร์ลำแรกของโลก เมื่อหลายร้อยปีก่อน ก่อนที่พี่น้องตระกูลไรท์จะทำการบินเสียอีก ดาวินชีเฝ้าสสังเกตการบินของนกและนำมาออกแบบสร้างเครื่องร่อนและเฮลิคอปเตอร์ ดาวินชีทุ่มเทให้กับการค้นคว้าสิ่งต่างๆไว้หลายอย่าง เช่น ออกแบบการสร้างตึกหลังคายอดโดม โครงสร้างผังเมือง ออกแบบอาวุธต่างๆ เช่น ปืนครกเพื่อให้ขนย้ายสะดวกและยิงได้ครั้งละหลายๆลูก รถประจัญบาน เรือดำน้ำ เครื่องยิงธนู เป็นต้น ภาพร่างอย่างคร่าวๆของเขายังคงมีเหลือมาจนถึงปัจจุบันดาวินชีเป็นคนถนัดซ้ายและสามารถเขียนตัวหนังสือกลับได้เมื่ออ่านต้องนำกระจกมาส่อง เขามักจะเขียนตัวหนังสือแบบนี้เสมอ ซึ่งอาจง่ายสำหรับเขาในการเขียนจิตรภาพเหมือนฝีมือเป็นเลิศ :อายุ 25 ดาวินชีเป็นศิลปินเต็มตัว 1 ปีต่อมาเขาได้รับการขอร้องให้วาดภาพ กษัตริย์เมจีถวายสักการบูชาพระบุตร แต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ภาพนี้เก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ศิลปอูฟฟิซี ประเทศอิตาลี

ภาพ พระแม่แห่งหินผา เก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ในกรุงปารีส เป็นภาพประดับแท่นบูชาที่ดีที่สุด เขาใช่เวลาวาดถึง 4 ปีเต็ม

ภาพ อาหารค่ำมื้อสุดท้าย เขาวาดภาพนี้บนฝาผนังโรงอาหารของวัดซานตามาเนีย เดล กราซิเอ เป็นภาพวาดสีน้ำมันที่ยังไม่มีใครทำได้ในสมัยนั้น

ภาพ โมนาลิซา ที่โด่งดังไปทั่วโลก เป็นภาพหญิงสาวที่มีรอยยิ้มพิมพ์ใจทุกมุมมอง เขาวาดภาพนี้เมื่ออายุมากแล้วศึกษาร่างกายของมนุษย์ :ดาวินชีสนใจการทำงานในร่างกายของมนุษย์ เขาได้นำร่างของคนแก่ที่ตายในโรงพยาบาลมาชำแหละ และเขียนนภาพของระบบประสาท เส้นเลือด กล้ามเนื้อ และอวัยวะภายในได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ชีวิตของลีโอนาร์โด ดาวินชี

อายุ 30 ปีดาวินชีเดินทางไปยังเมืองมิลานตามคำเชิญของดยุคแห่งมิลาน และอยู่ที่เมืองนี้นานถึง 17 ปี สร้างผลงานมากมาย เช่นภาพวาดพระแม่แห่งหินผา ภาพอาหารค่ำมื้อสุดท้าย และรูปปั้นอัศวินขี่ม้า

อายุ 47 ปี ดาวินชีกลับมาอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์และเป็นวิศวกรที่ปรึกษาของซีซาร์ บอร์เกีย ดยุคแห่งโรมาเนีย ช่วงนี้เขาค้นคว้าเกี่ยวกับเครื่องจักรและคณิตศาสตร์ พัฒนาวิธีการรบ

อายุ 51 ปี เขาเริ่มวาดภาพโมนาลิซา ซึ่งใช้เวลาวาดประมาณ 3 ปีปั้นปลายชีวิตเขาได้รับอุปการะจากพระเจ้าฟรองซัวร์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส โดยพระราชทานคฤหาสน์คลูซ์ ชานเมืองอัมบัวส์ให้เป็นที่พัก เขาอาศัยอยู่ที่นี่จนเสียชีวิต

 

       โมนาลิซ่า(Mona Lisa) หรือ ลา โฌกงด์ (La Gioconda, La Joconde) คือภาพวาดสีน้ำมัน สูง 77 เซนติเมตร กว้าง 53 เซนติเมตร วาดโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ระหว่าง ค.ศ. 1503 ถึงปี 1507 เป็นภาพที่ทั่วโลกรู้จักกันดีภาพหนึ่ง ในฐานะสุภาพสตรีที่มี รอยยิ้มอันเป็นปริศนา ที่ไม่รู้ว่าเธอจะยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้กันแน่ ปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของรัฐบาลฝรั่งเศส และเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์(Musée du Louvre) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

คำว่า โมนาลิซ่า นั้น ได้ถูกตั้งขึ้นโดย จอร์จีโอ วาซารี ศิลปิน และนักชีวประวัติชาวอิตาลี หลังจากดา วินชีได้เสียชีวิตไป 31 ปี ในหนังสือที่เขาตีพิมพ์นั้นได้บอกไว้ว่าผู้ที่นั่งอยู่ในรูปนั้นคือ ลีซ่า เกอราร์ดีนี ภรรยาของขุนนางนักธุรกิจผู้มั่งคั่ง ชาวเมืองฟลอเรนซ์นามว่า ฟรานเซสโก้ เดล กิโอคอนดา(Francesco del Giocondo)

คำว่า โมนา(Mona) ในภาษาอิตาลีนั้นก็คือคำว่า มาดอนนา(madonna) คุณผู้หญิง(my lady) หรือ มาดาม(Madam) ในภาษาอังกฤษ ดังนั้นความหมายของชื่อนั้นก็คือ มาดาม ลิซ่า แต่ในปัจจุบัน บางครั้งก็จะใช้คำว่า มอนนา ลิซ่า(Monna Lisa) แทน เนื่องจากภาษาอิตาลีคำว่ามาดอนนานั้น ส่วนมากจะใช้คำย่อว่า มอนนา(Monna)

ภาพโมนาลิซ่านี้ถูกวาดโดย ดา วินชี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1503 ถึง ค.ศ. 1507 ใช้เวลานานถึง 4 ปีในการวาด

ในปี ค.ศ. 1516(พ.ศ. 2059) ดา วินชีได้นำภาพจากอิตาลีไปที่ฝรั่งเศส ด้วยพระราชประสงค์ของพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 ที่ทรงปราถนาที่จะให้ศิลปินทั้งหลายมารวมตัวทำงานกันที่ Clos Lucé ใกล้กับปราสาทในเมืองอัมบัวส์ และยังทรงให้ ดา วินชี วาดพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์อีกด้วย หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงซื้อภาพโมนาลิซ่า ในราคา 4,000 เอกือ

ในปี ค.ศ. 1519(พ.ศ. 2062) ดา วินชี ได้เสียชีวิตที่เมืองอัมบัวส์ ประเทศฝรั่งเศส รวมอายุได้ 63 ปี

ใบหน้าของมาดามลิซ่า

 

      ในช่วงแรก ภาพโมนาลิซ่าถูกนำไปเก็บไว้ที่ พระราชวังฟงเตนโบล ต่อมาก็ในพระราชวังแวร์ซาย หลังจากสิ้นสุดการปฏิวัติฝรั่งเศส ก็ถูกไปนำเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ในห้องสรงของพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ในพระราชวังทุยเลอรี แล้วในที่สุดก็ได้กลับมาที่พิพิธภัณฑ์เหมือนเดิม

 

ห้องแสดงในพิพิธภัณฑ์

       ในช่วงสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ระหว่างปี ค.ศ. 1870-ค.ศ. 1871 ภาพได้ถูกนำออกจากพิพิธภัณฑ์ ไปซ่อนไว้ในที่ลับในประเทศฝรั่งเศส

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 1911 ภาพโมนาลิซ่าถูกโจรกรรมออกจากพิพิธภัณฑ์ ซึ่งกว่าจะค้นพบเธอก็ได้ใช้เวลาไปถึง 2 ปี ซึ่งได้พบในเมืองฟรอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ปัจจุบันเธอถูกดูแลรักษาอย่างดี ในตู้กระจกปรับอากาศกันกระสุน พิพิธภัณฑ์ลูฟร์