Tag Questions
Tag Questions เป็นประโยคคำถามอีกประเภทหนึ่งที่ใช้เมื่อผู้พูดมีความมั่นใจในการกล่าวครั้งแรก
แต่ก็ยังคงมีความไม่แน่ใจอยู่บ้างเล็กน้อย จึงกล่าวเป็นคำถามต่อจากการกล่าวครั้งแรก เช่น
You are John, aren't you? (คุณคือจอห์นไม่ใช่หรือ)
= ผู้พูดมีความมั่นใจว่า ผู้ที่พูดด้วยคือจอห์นแต่ถามย้ำอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่า ใช่หรือไม่
Tag Questions จะประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
1. ส่วนหน้าหรือประโยคนำ
2. ส่วนท้าย หรือ Tag
เช่น
You are John, aren't you?
(1) ส่วนหน้าหรือประโยคนำ คือ You are John
(2) ส่วนท้าย หรือ Tag คือ aren't you
He isn't a singer, is he?
(1) ส่วนหน้าหรือประโยคนำ คือ He isn't a singer
(2) ส่วนท้าย หรือ Tag คือ is he
การตอบคำถาม Tag Questions
จะตอบเหมือนการตอบ Yes / No Questions ทั่วไป
แต่แตกต่างกันตรงที่คำถามแบบ Tag Questions เป็นคำถามที่ผู้ถามคิดว่าตนทราบคำตอบอยู่แล้ว
ส่วนหน้าหรือประโยคนำจึงแสดงถึงความคิดหรือความเข้าใจของผู้ถามดังนี้
1. ถ้าผู้ถามคาดว่าจะได้คำตอบว่า Yes
จะใช้ส่วนหน้าหรือประโยคนำเป็นข้อความที่เป็นบอกเล่า เช่น
You are John, aren't you? (คุณคือจอห์นไม่ใช่เหรอ)
= ผู้ถามคาดว่าผู้ที่พูดด้วยคือจอห์น และจะต้องได้คำตอบว่า Yes แน่นอน
2. ถ้าผู้ถามคาดว่าจะได้คำตอบว่า No
จะใช้ส่วนหน้าหรือประโยคนำเป็นข้อความที่เป็นปฏิเสธ เช่น
John isn't a singer, is he? (จอห์นไม่เป็นนักร้องใช่มั้ย)
= ผู้ถามคาดว่าจอห์นไม่เป็นนักร้อง และจะต้องได้คำตอบว่า No แน่นอน
หลักการสร้าง Tag Questions มีดังนี้
1. ถ้าส่วนหน้าหรือประโยคนำเป็นข้อความบอกเล่าส่วนท้ายจะต้องเป็นปฏิเสธ
เช่น
She is playing with John, isn't she?
2. ถ้าส่วนหน้าหรือประโยคนำเป็นข้อความปฏิเสธส่วนท้ายจะต้องเป็นบอกเล่า
เช่น
John isn't a singer, is he?
3. ใส่เครื่องหมาย Comma (,) คั่นระหว่างส่วนหน้ากับส่วนท้าย
เช่น
He is playing with Jenny, isn't he?
4. ประธานของส่วนท้ายจะต้องเป็นคำสรรพนามที่เป็นรูปประธานเสมอ
เช่น
John isn't a singer, is he?
5. ถ้าคำกริยาในส่วนท้ายเป็นปฏิเสธคำกริยานั้นจะต้องเป็นรูปย่อเสมอ
เช่น
They are playing with John, aren't they?
6. ถ้าส่วนหน้าเป็น I am ส่วนท้ายจะต้องเป็น aren't I
เช่น
I am playing with John, aren't I?
คำกริยาในส่วนท้าย (Tag) จะต้องสอดคล้องกับคำกริยาในส่วนหน้า (ประโยคนำ)
โดยแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้
1. ถ้าในส่วนหน้าหรือประโยคนำมี Verb to be คำกริยาในส่วนท้าย (Tag) ก็จะต้องเป็น Verb to be
เช่น
You are John, aren't you?
They weren't in their room, were they?
2. ถ้าในส่วนหน้าหรือประโยคนำมีคำกริยาช่วย คำกริยาในส่วนท้าย (Tag) ก็จะต้องเป็นคำกริยาช่วย
เช่น
You will go to Bangkok tomorrow, won't you?
They won't go to Chiangmai next week, will they?
John can't speak Thai, can he?
Jenny can speak Chinese, can't she?
3. ถ้าในส่วนหน้าหรือประโยคนำ ไม่มี Verb to be หรือคำกริยาช่วย มีแต่คำกริยาแท้ คำกริยาในส่วนท้าย (Tag) จะต้องเป็น Verb to do
เช่น
You walk to school, don't you?
ส่วนท้าย (Tag) ใช้ don't เพราะ
(1) ส่วนหน้า (ประโยคนำ) เป็นประโยคปัจจุบันกาลธรรมดาในรูปบอกเล่า
(คำกริยาเป็นช่อง 1 = walk)
และ
(2) ประธานเป็นบุรุษที่ 2 (You)
John doesn't speak Thai, does he?
ส่วนท้าย (Tag) ใช้ does เพราะ
(1) ส่วนหน้า (ประโยคนำ) เป็นประโยคปัจจุบันกาลธรรมดาในรูปปฏิเสธ
(ส่วนของกริยาเป็น doesn't + คำกริยาช่อง 1 = speak)
และ
(2) ประธานเป็นบุรุษที่ 3 (John เปลี่ยนเป็น he)
Jenny wrote a letter to Joe last night, didn't she?
ส่วนท้าย (Tag) ใช้ didn't เพราะ
ส่วนหน้า (ประโยคนำ) เป็นประโยคอดีตกาลธรรมดาในรูปบอกเล่า
(คำกริยาเป็นช่อง 2 = wrote)
Mark didn't write a letter to Joe last night, did he?
ส่วนท้าย (Tag) ใช้ did เพราะ
ส่วนหน้า (ประโยคนำ) เป็นประโยคอดีตกาลธรรมดาในรูปปฏิเสธ
(ส่วนของกริยาเป็น didn't + คำกริยาช่อง 1 = write)