บุญกุ้มข้าว เป็นประเพณีคู่บ้านของชุมชนในภาคอีสานมานมนานแล้ว ในงานบุญกุ้มข้าวจะมีการนำข้าวเปลือกที่นวดแล้วหลังจากเก็บเกี่ยว เอามากองรวมกันที่วัดในชุมชน แล้วทำพิธีระลึกคุณของแม่โพสพ และสู่ขวัญข้าว จากนั้นจะทำบุญข้าวเปลือกทั้งหมดให้แก่วัด
งานบุญกุ้มข้าว บางทีเรียกกันในอีกชื่อหนึ่งว่า บุญคูนลาน เป็นหนึ่งใน ฮีตสิบสอง อันเป็นจารีตประเพณีในวิถีการดำเนินชีวิตของชาวอีสานมาแต่โบร่ำโบราณ โดยจะจัดกันในช่วงหลังฤดูเก็บเกี่ยว
บุญคูณลาน เป็นการทำบุญขวัญข้าวที่นวดเสร็จแล้วและกองไว้ในลานข้าวกำหนดทำในเดือนยี่จะเป็นข้างขึ้นหรือข้างแรมก็ได้ เหตุที่มีการทำบุญนี้เนื่องจากผู้ใดที่ทำนาได้ข้าวมากๆ ก่อนหาบหรือขนข้าวมาใส่ยุ้งฉางก็อยากทำบุญกุศล เพื่อเป็นสิริมงคลให้เพิ่มความมั่งมีศรีสุขแก่ตน และครอบครัวสืบไปที่สำหรับตีหรือนวดข้าว เรียกว่า ลานการเอาข้าวที่ตีแล้วมากองให้สูงขึ้น เรียกว่า คูนลาน หรือที่ เรียกกันว่าคูนข้าวชาวนาที่ทำนาได้ผลดีอยากได้กุศลให้ทานรักษาศีล เป็นต้นก็จัดเอาลานข้าวเป็นสถานที่ทำบุญ การทำบุญในสถานที่ดังกล่าวเรียกว่าบุญคูนลานกำหนด เอาช่วงเดือนยี่เป็นเวลาทำบุญจึง เรียกว่า บุญเดือนยี่
หลังการเก็บเกี่ยวจะทำบุญคูณข้าวหรือบุญคูณลาน นิมนต์พระสวดมนต์เย็น เพื่อเป็น มงคลแก่ข้าวเปลือก รุ่งเช้าเมื่อพระฉันเช้าแล้วจะทำพิธีสู่ขวัญข้าว นอกจากนี้ชาวบ้านจะเตรียม เก็บสะสมฟืนไว้หุงต้มที่บ้าน ดังคำโบราณว่า .... เถิงฤดูเดือนยี่มาฮอดแล้ว ให้นิมนต์พระสงฆ์ องค์เจ้ามาตั้งสวดมุงคูณเอาบุญคูณข้าว เตรียมเข้าป่าหาไม้เฮ็ดหลัว เฮ็ดฟืนไว้นั่นก่อน อย่าได้ หลงลืมถิ่น ฮีตของเก่าเฮาเดอ...
นิมนต์พระสวดมนต์เย็นเพื่อเป็นมงคลแก่ข้าวเปลือก แล้วทำพิธีสู่ขวัญข้าวนอกจากนี้ชาวบ้านเตรียมเก็บสะสมฟืนไว้หุงต้มที่บ้านคนอีสานเห็นคุณค่าและให้ความสำคัญแก่ไร่นา ข้าวและต้นข้าว เพราะเป็นแหล่งทำมาหากินที่สำคัญ วิถีชีวิตส่วนใหญ่ของคนอีสานอยู่ในท้องไร่ท้องนา อาชีพหลักก็เป็นอาชีพด้านการเกษตรกรรมโดยเฉพาะการทำนา
ในอดีตคนอีสานมีประเพณีและพิธีกรรมที่เกี่ยวกับข้าวถึง 9 ครั้ง ได้แก่
- เมื่อข้าวเป็นน้ำนม
- เมื่อข้าวเป็นข้าวเม่า
- เมื่อเก็บเกี่ยว
- เมื่อจักตอกมัดข้าว
- เมื่อมัดฟ่อน
- เมื่อกองอยู่ในลาน
- เมื่อทำลอมข้าว
- เมื่อเก็บข้าวเข้าเล้า
แต่ด้วยเหตุอันใดไม่ทราบจึงทำให้ประเพณีดังกล่าวสูญหายไปแทบไม่หลงเหลือให้เห็นอีก แต่ก็คงยังมีอยู่บางหมู่บ้านที่ยังคงอนุรักษ์ให้เป็นประเพณีของชุมชนอยู่ แต่ก็ดูไม่ยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์อย่างแต่ก่อน
มีตำนานเกี่ยวกับการทำบุญคูณลานว่า
ในสมัยพุทธศาสนาของพระมหากัสสัปปะ มีชายสองพี่น้องทำนาอยู่ด้วยกัน จนเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำบุญครั้งแรกคือเมื่อข้าวเป็นน้ำนมน้องชายก็มาชวนผู้เป็นพี่ทำข้าวมธุปายาสถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ แต่พี่ชายปฏิเสธ และเห็นว่าน้องไม่รู้จักอดออมเอาแต่จะทำบุญจึงแบ่งนากันทำคนละผืน
ผู้เป็นน้องทำบุญข้าวครบตามประเพณีทั้ง 9 ครั้ง และมีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาเต็มเปี่ยม ในพระพุทธศาสนาของพระสมณโคดมจึงสำเร็จอรหันต์เป็นอัญญาโกณฑัญญะ ส่วนผู้เป็นพี่ชายก็ทำบุญข้าวแต่ทำเพียงครั้งเดียว จึงเกิดเป็นสุภัททปริภาชก สำเร็จเป็นองค์สุดท้าย เมื่อชาวอีสานทราบถึงอานิสงส์นี้จึงพากันทำบุญกันตามความเชื่อ
รายละเอียดขั้นตอนของพิธีกรรมจะเป็นที่ตกลงกันของสมาชิกในหมู่บ้าน โดยจะใช้บริเวณลานวัดเป็นที่ประกอบพิธี ซึ่งชาวบ้านจะนำข้าวเปลือกแบ่งจากส่วนของตนมากองรวมกันไว้ที่ลานที่จัดเอาไว้ เมื่อถึงเวลาประกอบพิธีก็จะนิมนต์พระมาสวด และก็ทำพิธีพราหมณ์ สู่ขวัญลานข้าว
กองข้าวที่ลานเป็นสัญญลักษณ์ที่แสดงถึงความมีน้ำใจ ชอบทำบุญทำกุศล และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทั้งยังหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ของผลผลิตในปีนั้น ๆ อีกด้วย
คือถ้ากองข้าวที่ลานรวมกันกองใหญ่ก็จะหมายถึงความศรัทธาและมีน้ำจิตน้ำใจของผู้คนในหมู่บ้านนั้น และก็แสดงว่าฝนฟ้าในปีนั้นตกต้องตามฤดูกาล น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ดีผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้จึงมากพอที่จะให้ชาวบ้านแบ่งปันมาทำบุญ