การบุกรุก..... ส่วนมากพวกที่มาจับจะไม่มีหมายค้น.....แบบไหนถึงเรียกว่า....."บุกรุก"
มาตรา 362
....................ผู้ใด เข้าไปใน อสังหาริมทรัพย์ ของ ผู้อื่น เพื่อถือการครอบครอง อสังหาริมทรัพย์นั้น ทั้งหมด หรือ แต่บางส่วน หรือ เข้าไป กระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวน การครอบครอง อสังหาริมทรัพย์ ของเขา โดยปกติสุข ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน หนึ่งปี หรือ ปรับไม่เกิน สองพันบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
....................ฉนั้นบุคคลหรือกลุ่มคนที่เราไม่ต้อนรับสามารถแจ้งความบุกรุกได้
เมื่อพวกมันมาบุกรุกแล้วก็จะหาเรื่องยกคอมเราไป....."ลักทรัพย์"
มาตรา 334
....................ผู้ใด เอา ทรัพย์ ของ ผู้อื่น หรือ ที่ผู้อื่น เป็นเจ้าของ รวมอยู่ด้วย ไป โดยทุจริต ผู้นั้น กระทำความผิด ฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน สามปี และ ปรับไม่เกิน หกพันบาท
การลักทรัพย์ คือ การเอาทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไป โดยต้องการจะครอบครองทรัพย์นั้นไว้ เพื่อตนเองเอาไปขายหรือให้กับบุคคลอื่นก็ตามแต่ถือว่าเป็น การลักทรัพย์
....................สรุปได้ว่าแม้จะเป็นเจ้าหน้าที่มายกไปก็ตาม.....ยังแจ้งข้อหาลักทรัพย์ได้อีกด้วย.....หากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐโทษเป็นทวีคูณ
เมื่อมันมายกเครื่องไปแล้วก็จะเชิญตัวเราไปโรงพัก....."ห้ามไป".....เพราะการไปเจรจาถือว่าเสียเปรียบ..... เป็นการยอมความในเบื้องต้นไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้
มาตรา 52
....................การที่จะให้บุคคลใดมาที่พนักงานสอบสวนหรือมาที่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่หรือมาศาลเนื่องในการสอบสวน.....การไต่สวนมูลฟ้อง.....การพิจารณาคดี.....หรือการอย่างอื่นตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้จักต้องมีหมายเรียกของพนักงานสอบสวนหรือพนักงานฝ่ายปกครองชั้นผู้ใหญ่..... หรือของศาลแล้วแต่กรณี
....................หากถูกต้องจริงต้องมีหมายเรียกมาหาเราเพื่อขึ้นไปเจรจา
บางคนมาแบบมีหมายค้น..... ซึ่งเป็นการยากมากที่ศาลจะออกหมายค้นให้..... แต่เพื่อความรู้ ก็มาทราบรายละเอียดกันซักหน่อย
...................เมื่อมีเจ้าหน้าที่มาขอค้นบ้าน.....ในเรื่องนี้กฎหมายรัฐธรรมนูญได้บัญญัติรับรองสิทธิไว้ในมาตรา 33 ว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในเคหสถาน และในวรรคสองกล่าวว่า บุคคลย่อมได้รับความคุ้มครองในการที่จะอยู่อาศัยและครอบครองเคหสถานโดยปกติสุข ส่วนในวรรคสุดท้ายบัญญัติว่า การเข้าไปในเคหสถานโดยปราศจากความยินยอมของผู้ครอบครองหรือการตรวจค้นเคหสถานหรือในที่รโหฐาน จะกระทำมิได้ เว้นแต่จะมีคำสั่งหรือหมายของศาลหรือมีเหตุอย่างอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ
...................ดังนั้นก็พอสรุปได้ว่า ในกรณีที่มีเจ้าหน้าที่มาขอตรวจค้นบ้านหรือที่ส่วนบุคคลนั้น จะต้องมีหมายหรือคำสั่งของศาลมาแสดงให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองบ้านได้ดู แล้วทีนี้มีปัญหาว่าหากเจ้าหน้าที่มาขอค้นบ้านแต่ไม่มีหมายค้นของศาลมาด้วย จะค้นได้หรือไม่ ก็ขอตอบว่าถ้าเราอนุญาตให้ค้นก็ค้นได้ครับ แต่ถ้าเราไม่อนุญาตให้ค้นเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีอำนาจค้น
...................หากมีหมายศาลมาจริง การตรวจค้นนั้นต้องมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองระดับสามขึ้นไป หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจยศร้อยตรีขึ้นไปเป็นหัวหน้านำทีมในการตรวจค้น
มาตรา 69
หมายค้นเหจุที่จะออกหมายค้นได้มีดังต่อไปนี้
....................1. เพื่อพบและยึดสิ่งของซึ่งจะเป็นพยานหลักฐานประกอบการสอบสวนได้
....................2. เพื่อพบและยึดสิ่งของซึ่งมีไว้เป็นความผิด.....หรือได้มาโดยผิดกฎหมาย.....หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้ใช้หรือตั้งใจจะใช้ในการกระทำความผิด
....................3. เพื่อพบและช่วยบุคคลซึ่งได้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง..... โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
....................4. เพื่อพบบุคคลซึ่งมีหมายให้จับ
....................5. เพื่อพบและยึดสิ่งของตามคำพิพากษาหรือตามคำสั่งศาลในกรณีที่จะพบหรือจะยึดโดยวิธีอื่นไม่ได้แล้ว
กรณียกเว้นไม่ต้องใช้หมายค้น
....................1. เมื่อมีเสียงร้องให้ช่วยมาจากข้างในที่รโหฐา หรือมีเสียงหรือพฤติการณ์อื่นใดอันแสดงว่าได้มีเหตุร้ายเกิดขึ้นในที่รโหฐานนั้น
....................2. เมื่อปรากฏความผิดซึ่งหน้ากำลังกระทำลงในที่รโหฐาน
....................3. เมื่อมีบุคคลที่ได้กระทำความผิดซึ่งหน้า ขณะที่ถูกไล่จับหนีเข้าไปหรือมีเหตุอันแน่นแฟ้นควรสงสัยว่าได้เข้าไปซุกซ่อนตัวอยู่ในที่รโหฐานนั้น
....................4. เมื่อมีพยานหลักฐานตามสมควรว่าสิ่งของที่มีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิด หรือได้มาโดยการกระทำความผิด หรือได้ใช้หรือมีไว้เพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด หรืออาจเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์การกระทำความผิดได้
....................กรณีไม่มีหมายค้นจะสังเกตได้ว่าแทบจะไม่เกี่ยวข้องกับร้านเน็ตเลย.....ฉนั้นอย่างไปฟังข้ออ้างอะไรจากพวกมันทั้งนั้น
....................หรือว่ามันจะอ้างว่าเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้าละ....จะทำยังไง.....ดูกันต่อครับ
มาตรา 80
....................ความผิดซึ่งหน้า.....ได้แก่ความผิดซึ่งเห็นกำลังกระทำ.....หรือพบในอาการใดซึ่งแทบจะไม่มีความสงสัยเลยว่าเขาได้กระทำผิดมาแล้วสดๆ อย่างไรก็ดีความผิดอาญาดังระบุไว้ในบัญชีท้ายประมวลกฎหมายนี้ให้ถือว่าความผิดนั้นเป็นความผิดซึ่งหน้า
....................1. เมื่อบุคคลหนึ่งถูกไล่จับดั่งผู้กระทำโดยมีเสียงร้องเอะอะ
....................2. เมื่อบุคคลหนึ่งแทบจะทันทีทันใดหลังจากการกระทำผิดในถิ่นแถวใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุนั้นและมีสิ่งของที่ได้มาจากการกระทำผิดหรือมีเครื่องมือ.....อาวุธหรือวัตถุอย่างอื่นได้ใช้ในการกระทำผิด.....หรือมีร่องรอยพิรุธ
....................ความผิดซึ่งหน้า.....โดยรวมแล้วจะกล่าวถึงการกระทำผิดในเรื่องประทุษร้ายแก่ชีวิต.....และทรัพย์สิน
....................เท่าที่อ่านมานั้นคงจะพอมีแนวทางในการโต้ตอบของพวกที่มาก่อกวนกันแล้วนะครับ
....................ผมขอเพิ่มเติมเกี่ยวกับการล่อซื้อ หรือล่อจับ.....กันนิดนะครับ
การล่อซื้อ
....................คดีทรัพย์สินทางปัญญาจะล่อซื้อไม่ได้เพราะถือว่าเป็นการร่วมกันกระทำความผิด ไม่ใช่ผู้เสียหายตาม ป.วิ.อ. มาตรา 2 (4 )
ทรัพยสินทางปัญญาหมายถึงอะไรบ้าง.....
....................หมายถึง.....ผลงานอันเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์..... ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทรัพย์อีกชนิดหนึ่ง..... นอกจากสังหาริมทรัพย์..... คือ..... ทรัพย์ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้..... เช่น..... นาฬิกา..... รถยนต์..... โต๊ะ..... เป็นต้น..... และอสังหาริมทรัพย์..... คือ.....ทรัพย์สินที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้.....เช่น.....บ้าน..... ที่ดิน..... เป็นต้น
ประเภทของทรัพย์สินทางปัญญา
....................โดยทั่ว.....คนไทยส่วนมากจะคุ้นเคยกับคำว่า..... “ลิขสิทธ์”..... ซึ่งใช้เรียกทรัพย์สินทางปัญญา.....ทุกประเภท..... โดยที่ถูกต้องแล้วทรัพย์สินทางปัญญาแบ่งออกเป็น..... ประเภท..... ที่เรียกว่า..... ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (Industrial...property)..... และลิขสิทธิ์ (Copyright)
....................ลิขสิทธิ์..... หมายถึง..... งานหรือความคิดสร้างสรรค์ในสาขาวรรณกรรม..... ศิลปกรรม..... ดนตรีกรรม..... งานภาพยนตร์..... หรืองานอื่นใดในแผนกวิทยาศาสตร์ ลิขสิทธิ์ยังรวมทั้ง..... โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Computer& Program) หรือ..... Computer& Software คือ ชุดคำสั่งที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อกำหนดให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน
....................จะเห็นได้ว่าแม้เราจะลงเพลงให้กับลูกค้า.....แต่ลูกค้านั้นเป็นคนล่อซื้อ.....เวลาขึ้นศาลก็หลุดอยู่ดี เพราะตามกฎหมายได้บอกไว้แล้วว่าไม่สามารถล่อซื้อได้ หรือหากได้ก็เป็นการกระทำผิดร่วมกันโดนจับทั้งคนซื้อ+คนขาย หรือหลุดทั้งคู่
....................ลองมาดูคดีตัวอย่างที่เป็นข่าวคราวครึกโครม.....ตอนนี้ก็หลุดไปแล้..... ศาลยกฟ้อง..... คดีลิขสิทธิระหว่าง.....ไมโครซอล์ฟ... กับ...เอเทค
Custom Search