Custom Search

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ตลิ่งสูง ซุงหนัก

1

ตลิ่งสูง  ซุงหนัก
 

ช้างยกขาหน้าให้ควาญช้างเหยียบนั่งบนคอตังมันสูงใหญ่ ใบหูไหวพะเยิบ  หญิงบนเรือนลงบันไดมาข้างลาง เธอชูแขนยื่นผ้าขาวม้าและข้าวห่อใบตองขึ้นไปให้เขา 

              ขอพร้าด้วย  มะจัน ”  ควาญหันไปบอกขณะเธอคล้อยหลังจะขึ้นเรือนช้างน้าวกิ่งมะนาว เหนือหัว  ใบร่วงพรู เขารับมีด พร้าเหน็บเข้าสะเอว  คลี่ผ้าขาวม้าโพกสะเอว  แล้วกระตุ้นช้างออกจากร่มเงาสู่แสงแดดเช้าที่สดใส  มันระย้าเปียกน้ำค้าง  เลาะไปตามขอบตลิ่ง  มะจันกำลังหอบถังเปล่าเดินอยู่ข้างหน้า  ลมหนาวพัดแรง  ผมเธอปลิวสยาย แก้มแดงเรื่อ  เธอเบนไม้คานบนบ่า  แล้วยกเท้าก้าวลง  บันได  หายลับไปข้างล่างตรงที่ผิวน้ำสะท้อนแสงขึ้นมายิบยับ

              ช้างลงตลิ่งทางช่องแคบ   แล้วลุยน้ำข้ามไปฝั่งข้างโน้น   พอขึ้นตลิ่งสูงชันถึงข้างบน  ก็เห็นโรงแกะสลักและสตัฟฟ์  เป็นเรือนไม้โปร่งแสงหลังคาสังกะสี  มีต้นฉำฉาใหญ่แผ่กิ่ง

ใบบังแดดอยู่ข้างหน้า  ควาญกระตุ้นช้างเข้าไปใต้ร่มนั้น

              กลับแล้วรึ  คำงาย ”   ช่างแกะสลักถาม เขาวางค้อนและสิ่งในมือ  มองดูควาญเหนี่ยวตัวลงมาข้างล่าง

ไม่เห็นหน้าตั้งนาน  จะไปลากซุงที่ไหนอีก

              ลากที่นี่ ” 

คำงายขมวดปมกางเกงโซ่งให้กระชับ  เขาเดินผ่านเด็กมอมแมมที่เล่นอยูแถวนั้นแล้วตรงไปนั่งลงบนขอนไม้ข้างประตู

จริงรึ   ไม่ต้องเข้าป่าสิ ”   เขามองไปยังที่รวมขอน  ห่างขอบตลิ่งห่างออกไปราวสองสามร้อยวาเห็นซุงสลอนบนที่โล่ง

เยอะจังเลยนะ  จะลากไปไหน

              2

ริมตลิ่ง

              เตรียมไว้  พอน้ำมา ก็งัดลง  ผูกเป็นแพล่องไปได้
              อารถขนดีกว่า

              รถมาไม่ได้ แกไม่รู่รึ บุญฮาม สะพานข่ามแก่งขาดไปแล้ว

              แล้วคนอื่นไม่มาช่วยแกรึ บุญฮามถาม  คำงายง้วนอยู่กับโซ่เส้นโตจึงไม่ได้ยินที่บุญฮามถาม  พอโยงโซ่เสร็จคำงายก็ขึ้นนั่งบนคอช้างแล้วเดินไปที่ท่อนไม้ ช้างหยุดเมื่อถึงท่อนไม้ท่อนแรก  คำงายลงมาดึงโซ่ผูกเข้ากับจมูกซุง ช้างก้มหัวออกแรงลากม้วนงวงขึ้นเป็นก้อน เห็นโคนงาที่ฝังอยู่ใต้หนังมีรอยเฉือนตัดเป็นวงกลม

              ซุงถูกลากทีละต้นทีละต้น  ช้างย่ำผ่านลานโล่งกลับไปกลับมา ผิวดินตะปุ่มตะป่ำถูกท่อนไม้บดทับและครูดไถเป็นร่องหลายร่อง คำงายขยับเท้าสะกิดช้างให้หยุด ช้างยืนสะบัดหางขณะเขากมดึงโซ่ ปลดจากซุง

ลากได้สักพักคำงายก็หยุดพัก เพราะช้างเริ่มจะหมดแรง พร้อมกับการเข้ามาอีกครั้งของบุญฮาม

จะเอากี่ท่อน” 

เอาทั้งหมด

คำงายตอบด้วยความเป็นกันเองกับบุญฮาม

อีกไม่กี่วันน้ำก็จะขึ้นแล้วไม้มีทางทันหรอกทำไมไม่เอาช่างเชือกอื่นมาช่วยด้วย    พลายสุดตัวเดียวไหวรึ  แผลก็ยังไม่หายดี มันช้ำมากนะ

คำงายมองไปที่ช้างพร้อมกับคิดถึงภาพของพลายสุดเมื่อครั้งที่ยังมีงาขาวเด่น  แต่เดี๋ยวนี้งาทั้งคู่ของมันถูกลักลอบตัดเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี่  จนโคนงวงโล้นเลี่ยน ขโมยตัดงาชิดโคนมากไป ใบเลื่อยบาดเข้าเนื้อมันเป็นแผลเหวอะ  ช้างทรุดอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจหญ้า น้ำ  มันเซื่องซึมตลอดวัน  นัยน์ตาปรือและหมอง คำงายต้มน้ำฝาดเครือเชือกอวดล้างแผล และฝนไพรทาให้ทุกวัน  
              ความสง่าน้าเกรงขามหายไปจากตัวช้างที่จริงมันชื่อ  สุดสง่า”  คนทั่วไปเรียกติดปากว่า พลายสุด”  แต่พอถูกตัดงา คนที่พบมักเรียกว่า  พลายกุด

จะทำไงได้ ”   คำงายพูดกับบุญฮามก่อนขึ้นขี่พลายสุกออกจากร่มฉำฉาไปลากซุงต่อ  

ซุงบนลานโล่งลดลงทีละต้น ย้ายไปเพิ่มอยู่ริมตลิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งกลายเป็นเคลื่อนตัวเนิบนาบ  มันอ้าปากเหนื่อยหอบ  เขาปลดโซ่จากซุง  แล้วไสช้างเข้าร่มฉำฉา เดี๋ยวค่อยทำต่อคำงายพูด

วันรุ่งขึ้นคำงายก็พาพลายสุดออกไปลากซุงเหมือนเดิม  พลายสุดคว้าอ้อยติดงวงไปด้วยขณะก้าวออกจากร่ม  มันลากไปหยุดที่ริมตลิ่ง   ลาดไหล่ตลิ่งทั้งสองฝั่งเป็นดินสีแดงร่วนซุย ฝั่งทั้งสองข้างสูงชัน มีคนทำสวนตลอดแนวแลลิบตา  พืชผักที่ปลูกอวบอ้วน  แผ่ใบสีเขียวพืดไปหมด

ฤดูน้ำขึ้นจะไม้เห็นภาพอย่างนี้  สายน้ำขุ่นข้นท่วมท้นขึ้นทีละนิดจนมิดขอบ ไม่รู้สึกว่ามีตลิ่งสูงชันอยู่เลย

แต่หน้านี้น้ำน้อย มันแห้งเหือดหดแคบ ถ้าวันไหนหมอกลงหนาทึบจะมองไม่เห็นแม่น้ำ มีแต่ความขาวโพลนห่ออยู่รอบตัว ครั้นเวลาอากาศแจ่มใส จะเห็นไอจาง ๆลอยเรี่ยเป็นสายอยู่บนผิวน้ำ

              คำงายเลื่อนสายตากวาดไปตามริมฝั่ง แล้วมองขึ้นบนตลิ่งฟากโน้น เขาถอนหายใจยาว รอบตัวเงียบสงัด   เขาหันกลับ เรียกพลายสุดเข้ามาเคียงขอนไม้สักใหญ่เอาไปกองรวมกันในโรงแกะ  แล้วขึ้นขี่พลายสุดลงตลิ่งไปยังแม่น้ำข้างล่าง  ช้างดูดน้ำม้วนเข้าปาก แล้วสะบัดงวงรดแผ่นหลังจนเปียกชุ่ม  ผิวหนังที่แห้งจางกลายเป็นดำเข้มประกายสด หูใหญ่บานพะเยิบพะยาบเหมือนผ้าเปียกน้ำขณะมันเดินไปริมฝั่ง  คำงายดำน้ำมิดหัวสองสามหน ขยี้ผมอย่างเร็ว แล้วลุยตามหลังพลายสุดกลับเข้าฝั่ง

              พลายสุดหรือนี่ ”  มะจันนั่งอยู่ที่กี่ทอผ้าใต้ถุนบ้าน   แปลกจริงๆมันไม่หงอยแล้ว

              เขาบอกไม่ต้องปล่อยช้างนะ ”  เธอพูด    มะจันเข้าใจความรู้สึกของช้างตอนนี้ที่ไม่อยากให้ปล่อยช้างตอนนี้   คำงายก้มหน้าดุดิน  แล้วเดินผละไปยังบันไดก้าวขึ้นเรือนอย่างเลื่อนลอย   เขาเข้านอนหลังกินข้าวเย็นเสร็จ   เขานอนนิ่งและเอ่ยเบาๆกับตัวเองว่า

พรุ่งนี้ฉันจะตื่นแต่เช้ามืด

              คำงายขี่ช้างเลาะขอบตลิ่งจนถึงโรงแกะสลักที่ยังไม่มีใครมาพอเขาเริ่มลากซงท่อนที่สี่   คนอื่นก็มาถึง ช้างก้าวเนิบนากลางลมเย็น  มีซุงโยงอยู่ข้างหลัง  คล้ายเป็นส่วนหนึ่งของตัวมัน   เขาคลุกคลีคุ้นเคยกับพลายสุดตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก  และพลายสุดตัวเล็กกว่านี้  ตอนที่พ่อของเขาขายพลายสุดให้พ่อเลี้ยงนั้น  คำงายไม่ได้อยู่บ้าน

ถ้าอยู่ ฉันไม่ยอมหรอก ”  เขาบอกกับเพื่อนๆที่แวะมาทักทาย คำงายนั่งซึมอยู่บ้านสองวันจนอดคิดถึงไม่ได้  เขาก็ตามไปหามันถึงในป่า   เหตุที่พ่อของคำงายขายพลายสุดเพราะพ่อของเขาป่วยกระเสาะกระแสะ   และตายก่อนเขากลับจากเป็นทหารไม่กี่วัน

              พลายสุดเป็นเพื่อนเล่นของคำงาย  วิ่งไล้กันบนหาดทรายกลางน้ำ  และแข่งกันขึ้นลงตลิ่งเป็นประจำ   ตอนเด็กๆ คำงายชอบดูช้างที่ลากซุงอยู่บนตลิ่งฝั่งข้างโน้น   คำงายอยากขี่ช้างงัดซุงลงตลิ่งอย่างนั้นบ้าง

ระยะหลังคำงายโตเกินกว่าที่จะวิ่งเล่นกับช้าง   พลายสุดก็ถูกฝึกให้ทำงานชักลาก   เขาจะออกไปขี่ช้างกับพ่อเสมอ เขาช่วยพ่อทำงานหนักตั้งแต่เด็ก  ทั้งตีเหล็กและทั้งลากซุง แต่งานที่ทำเป็นประจำจริงๆ คือ  รับจ้างพ่อเลี้ยงลากซุง  พ่อเลี้ยงมีงานชักลากทั้งปี

พลายสุดโตเร็ว  ตัวสูงขึ้น  งาทั้งสองข้างขาวเด่น  สะดุดตา  พ่อของคำงายรักมันมาก  แต่พ่อเลี้ยงไม่ค่อยชอบ เขาบอกว่ามันดื้อหัดไม่เชื่อง                                                               

คำงายเป็นควายช้างแทนพ่อบ่อย   หลังจากออกโรงเรียน เขาไม่ได้ไปฝึกอาชีพอื่น นอกจากเป็นควาญ เพื่อนหลายคนไปเรียนต่อในเมือง ออกเป็นครู เป็นเสมียน บางคนก็ขายของ  คำงายมองเพื่อนด้วยความชื่นชม  พวกเขากลับมาเยี่ยมบ้าน

ช้างเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของคำงาย มันทำให้เขามีกินมีใช้  แต่หลังจากพลายสุดถูกขาย  คำงายจึงเคว้งคว้าง ว่างเปล่า  ความมั่นใจบนคอช้างสูญหาย เผชิญกับทุกอย่างบนพื้นดินด้วยตนเอง

คำงายไม่ชอบแกะสลัก  เขาอยากทำงานกับช้าง  อยากเป็นควาญของพลายสุด  แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจไปหาพ่อเลี้ยง  เขาทำทุกอย่าง  ตั้งแต่คมผูกจมูกซุงในป่า ขับรถบรรทุกไม้  บางปีก็มัดซุงเป็นแพล่องน้ำส่งโรงเรื่อย

ตอนนั้นเขากำลังก้มลงผูกจมูกซุง  พอมันพลิกเขาสะดุ้งผวา  รู้สึกเท้าถูกอัดแน่นกับพื้น  ซุงหนักอย่างไม่ไหวติงเรี่ยวแรงทั้งหมดของเขาไร้ความหมาย  เขากลั้นหายใจ  ตัวสั่น กัดฟันทนกับความเจ็บปวดที่พลุ่งขึ้นจนเขารับไม่ไหว  กว่าควาญจะหันช้างกลับหลังมางัดซุงออก คำงายก็สลบไปแล้ว

ความรู้สึกนั้นติดอยู่ในใจของเขาไปนานหลายปีเมื่อนึกถึงมัน  เขาสะท้านลึก ๆ ข้างใน มันเป็นความรู้สึกอะไรบางอย่างที่เขาคิดถึงแล้วมันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด

กว่าขาของเขาจะหายดีเป็นปกติ  คำงายต้องพักฟื้นอยู่นาน  บุญฮามจำเขาเกือบไม่ได้  เมื่อเห็นคำงายเดินหน้าเกรียมแดด  เข้ามาในร่มฉำฉา

แกยังคิดจะสอนฉันแกะสลักอยู่ไหม ”  คำงายถาม

บุญฮามจ้องหน้าเขานิ่งเงียบ  สักครู่จึงพูดขึ้น

“  เบื่อลากซุงในป่าแล้วรึ

เมื่อเห็นเขาไม่ตอบ  บุญฮามจึงยกกล่องเครื่องมือยื่นให้คำงาย  แล้วชี้ไปยังขอนไม้

นั่งตรงนั้น  แล้วเริ่มเลย

ฉันอยากแกะรูปช้าง  “  เขาพูดพร้อมหันไปดูช่างคนอื่น

แกะลายประดับเถอะ ตอนนี้แผ่นผนังไม่พอขาย ”  บุญฮามพูด

ฉันอยากแกะรูปช้าง  จะแกะให้ท่วมหัวก็ได้  ฉันจะทำให้ใหญ่เท่าช้างจริง ๆ เลย

ช่างคนอื่น ๆ หันมามองเขาเป็นตาเดียว เขายืนหน้าแดง แล้วก้มลงนั่งบนขอนไม้อย่างอาย ๆ มีคนพูดเรื่องนี้อยู่หลายวัน จนพ่อเลี้ยงได้ยินเข้าเขาจึงถามคำงายว่า

แกจะแกะช้างใหญ่รึ

คำงายนิ่งเงียบ   พ่อเลี้ยงจึงพูดต่อ

แกะเสร็จเมื่อไหร่เอามาขายฉันจะให้ราคาจริงสองเท่า

แลกพลายสุดได้ไหมคำงายถาม

ทั้งสองจ้องตากันนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง

ได้ ”  พ่อเลี้ยงพูดชัดเจน 

มีเงินแถมให้ด้วย

หลังจากที่คำงายรับปากกับพ่อเลี้ยงแล้ว คำงายก็ไม่ได้แกะสลักช้างเลยเพราะเขามัวแต่แกะสลักลายประดับที่กำลังขายดีในขณะนั้น

เขาสตัฟฟ์เก้ง   กวาง  ด้วยวิธีการแบบเดียวกัน  ครั้งหนึ่งเขาสตัฟฟ์เสือ ให้มันสง่า  น่าเกรงขาม  แต่ไม่ว่าจะจัดท่าอย่างไร  ก็ไม่รู้สึกถึงความน่าครั่นคร้าม  ตรงข้าม  กลับนึกถึงสัตว์ป่วย  แล้วพลอยสงสารมันขึ้นมา

มะจันเป็นพนักงานในร้าน  เขาไม่คู้จักเธอ จนครั้งหนึ่งเขาได้พบกันในร้านที่มะจันทำงานอยู่จึงได้พูดคุยกันอยางถูกคอ

เมื่อพบกันคราวต่อมา  เขาว่าเธอพูดถูก 

รูปปั้นนั้นไม่มีทางเหมือนคนได้  แต่คนเหมือนรูปปั้นได้เพราะบางที คนคล้ายซาก  ไม่มีจิตใจ  ไม่มีใจ

มะจันนิ่งฟังพร้อมกับหัวเราะหึ ๆ

ตอนแรกที่คุยกับเธอ  คำงายคุยเรื่องล่องแพ เขาพูดถึงพายุฝนที่ซัดกระหน่ำทั้งวันขณะลอยอยู่กลางน้ำเชี่ยวตั้งยี่สิบวันที่เขาและบุญฮามรอนแรมไปตามแม่น้ำยมคราวนั้น  ซุงร่วมร้อยต้น

คำงายเคยถูกฉุดลงน้ำครั้งแล้วครั้งเล่าไปไกลเป็นกิโล กว่าแพจะหยุด

บุญฮามพูดต่อ กว่าจะถึงโรงเลื่อย  ซุงคงหลุดหายไปหลายท่อน

คำงายจ้องดูผิงน้ำที่เคลื่อนอยู่รอบแพ  เขานั่งกอดเข่าบนท่อนซุงท่อนกลาง  ผิวเนื้อกระทบแดดเลื่อมมัน

7

แกเคยคิดไหม”  เขาพูด  นัยน์ตายังเหม่อมองที่เดิม  สายน้ำเหมือนอะไร

มีอะไรรึ”   บุญฮามจ้องเขาอย่างงงๆ

เขายังคงหัวเราะหึๆ รู้สึกกำลังล่องลอยไปเรื่อยๆเมื่อหันมองรอบตัว  ก็เห็นบุญฮามกำลังคัดท้ายแพที่งอโค้งให้กลับตรง

ทำไมรึบุญฮามนึกถึงเมื่อครั้งอยู่บนแพ  ตอนโน้นคำงายพูดว่า  เขาจะคิดยังไง  ถ้าน้ำเกิดลดวูบลงติดพื้นข้างล้างทันที

เมื่อทั้งสองแต่งงานมะจันก็ลาออกจากงานไปอยู่กับคำงายที่บ้านริมแม่น้ำยม  มะจันต้องปรับตัวหลายอย่าง  ระยะแรก  เธอมักจะคิดถึงชีวิตในเมืองและเพื่อนที่รู้จัก  หลังจากมีลูก  เธอประคบประหงมและเฝ้าดูแกเติบโตอย่างมีความสุข

ลูกชายของเธอกำลังซน  บางวันแกร้องจะขี่ช้าง

จะทำยังไงดีละ  แอ  ช้างพ่อไม่มี ”  เสียงเขาแผ่วเบา

พลายสุดก็ไม่ใช่ของเราแล้ว     มะจันเห็นเขาเงียบไปหลายวัน   คิดว่าเขาคงเปลี่ยนใจ  แต่อยู่ ๆ  เขาก็ผลุนผลันลงจากเรือนเข้าในเพิง ทุกวันตั้งแต่เช้ามืด

เขาจะขลุกอยู่กับขอนชิงชันจนถึงเวลาไปโรงสตัฟฟ์และทุกเย็นหลังเลิกงาน  เขาก็จะเข้าไปอยู่ในเพิงจนมืดค่ำ  บางทีในวันหยุด  เขาแทบไม่ได้โผล่หน้าออกมาข้างนอกเลย

ครั้นมาคราวนี้  เมื่อเผชิญหน้ากับขอนใหญ่ในเพิงเข้าจริง ๆ  เขางงงันและตกตลึง  รู้สึกตัวเล็กลง  ความมั่นใจเริ่มสั่นคลอน  เขารู้สกสับสน  วนเวียน  ไม่มีความมั่นใจสักอย่าง  ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน

ผิดกับวันแรกที่คิดจะทำท่อนชิงชันให้เป็นพลายสุด เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ  แต่พอครบสองปี  เขายังทำอะไรไม่ได้เลย

เดือนปีที่เขาจมอยู่กับความท้อแท้ ทำให้เห็นอีกดานหนึ่งของตัวเอง   เขาเหม่ออยู่บนตลิ่งหน้าบ้าน   ขณะแสงอาทิตย์ยามเย็นสะท้อนผิวน้ำที่แผ่กว้าง

เด็กพวกนั้นไม่เคยเรียนท่าว่ายน้ำ  เขาคิด แต่พวกเขาก็ว่ายถึงฝั่ง

“  แอ ”   มะจันตะโกนอยู่ริมตลิ่ง 

กลับบ้าน ”  แอลุยน้ำข้ามฝั่งกลับบ้าน  สองมือชูกางเกงที่ถอดม้วนจนกลมขึ้นเหนือหัว

พอถึงที่บ้าน  มะจันจ้องลูกชายที่กำลังก้มหน้าขึ้นบ้าน  แกกินข้าวอย่างเร็ว แล้วลุกขึ้นยืนจะลงเรือน

อย่าไปฝั่งโน้นนะ ”   มะจันบอก  แกหันกลับมา ขาอ้างค้างอยู่หัวกระได หน้าแกเบ้เหมือนจะร้องไห้  พอดีคำงายกินเสร็จจึงจูงมือแกลงไปข้างล่างแล้วพูดปลอบแกเบา ๆ

คำงายเห็นแอพยายามจับนกกระเต็นมาก่อนแล้ว แต่มันเร็วกว่า  บางวันคำงายยืนอยู่ขอบตลิ่ง  มองข้ามไปฝั่งโน้น  เห็นแออยู่กลางแดด   แอชอบไปนั่งดูคนตกเบ็ดริมแม่น้ำบ่อย   พอโตขึ้นหน่อย แกก็ใช้เบ็ดที่ซื้อจากร้านมาตกปลาใหญ่กว่านั้น  แอเคยถูกเงี่ยงปลาตำจนร้องไห้กลับบ้านหลายหน 

แกร้องไห้อยู่นาน  กว่านิ้วที่เขียวและบวมเป่งจะยุบหาย

หายแล้ว แม่  ”  แกตื่นเต้นขณะใช้สองฝ้ามือประคองมันออกมา

คราวหน้าคราวหลังก็ให้ระวัง  อย่าไปเล่นอย่างนั้นอีก ”   เขาบอกแอ

              พอมือบวมที่เป้งหาย แกก็ลืมและลงไปลัดเลาะริมแม่น้ำกลางแสงแดดเหมือนเดิม

              คำงายและแอกำลังจะพาลูกเป็ดไปกินไส้เดือน  ลูกเป็ดของแอมีสิบสองตัว  แกเอาไข่มาให้แม่ไก่ฟักจนออกเป็นตัว และเลี้ยงมันอย่างประคบประหงม

              แอขุดดินขึ้น ลูกเป็ดก็เข้าล้อมรอบ  แอขุดดอนไปเรื่อยๆ งัดเป็นก้อน ทุบจนแตก  ให้ไส้เดือนกระจายออกมา  ลูกเป็ดชุลมุนเป็นกระจุกไม่เงยหัว   บางตัวกลืนไส้เดือนเข้าไปเกือบหมด

              แอขุดไปเรื่อยๆ  เป็นบริเวณกว้าง  ท้องเป็ดโย้ออกมาข้างหน้า   บ่งตัวกินจนล้นถึงคอ  กระเพาะหนักทรุดเพียบกับพื้น

              พอทุกตัวอิ่ม   แอจะพามันไปลงเล่นน้ำ   แอจะนั่งอยู่ริมฝั่ง  พลางนับจำนวมอยู่ในใจ  แกทำอย่างนี้ประจำ 

ขณะกำลังมองลูกเป็ดก้มหัววิดน้ำขึ้นหลัง   แอก็เอะใจ  ตัวสีเหลืองมีน้อยกว่าเดิม  ลองนับดูใหม่ตัวหนึ่งหายไป  เขาตกใจผลุนผลันลุกขึ้นยืน  แล้วรีบวิ่งไปที่ขุดไล้เดือนเลี้ยงเป็ด  มองดูจนทั่ว แล้วแกก็พบมัน  ขนสีเหลือง ตัวมันอ่อนนุ่ม  คอห้อยร่องเร่ง

              แกรีบวิ่งกลับบ้าน เอาลูกเป็ดวางไว้หน้าเตา  ให้มันอังไฟ

มันตายแล้วนี่ ”   คำงายพูดขณะมองดูลูกเป็ด   เอามาไว้ตรงนี้ทำไม

เอาไปทิ้ง ”  เขาบอกแอ

แอคว้าลูกเป็ดไว้ในมือ ไม่หันมองใคร  แกก้มหน้าลงบันไดอย่างรวดเร็ว มือขาสั่น  พยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหล   มะจันจ้องหน้าคำงายด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น

ไม่รู้สึกอะไรเลยรึ

แอมันรู้

ขอนชิงชันมีรอยสิ่วปาด  ขึ้นรูปเห็นรางๆ เป็นโหนกหัวลาดย้อยลงต่อกับงวงที่ห้อยยาว   คำงายจดจ่อกับมันทุกวัน  บางทีมันตื้อ  ทำไม่ได้

ก่อนหน้านี้เขามั่นใจในตัวเองมาก  ไม่ยอมฟังความคิดเห็นใคร   ระยะหลัง เมื่อคร่ำเคร่งกับการแกะช้างหนักเข้า  เขาก็พบกับขีดจำกัดของตัวเอง  เขาหันมารับฟังคำแนะนำและคำอธิบายของบุญฮาม

เขาหน้าหมอง ลุกนั่ง  นิ่งขรึม  สักครู่ก็ก้าวออกนอกเพิงมาที่หาดทรายสีขาวสะอาด  อากาศเย็นและโล่งกว้าง เขาสูดหายใจแรง  หลังจากขลุกอยู่ในเพิงกับขอนไม้ชิงชัน

ภายในเพิง  พอตอกค้อนลงตามสิ่ว  สะเก็ดไม้กระเด็นฉับ  เขากุมขมับตรงนัยน์ตา  ตาเขาแดงก่ำและแสบจนไม้ได้มองค้อนกับสิ่วที่ตกลงไปใต้ขอน

ระยะหลังมะจันไม่ค่อยได้เข้าไปในเพิงบ่อยนัก   คำงายจะง่วนอยู่กับการแกะสลักนั้นคนเดียว  บางทีเขาแทบไม่เงยหน้าขึ้นมอง  เธอรู้สึกเหมือนเขาอยู่ห่างไกลออกไปทุกที

ฉันว่าเธอเปลี่ยนไป มะจันบอกกับคำงาย

              จริงรึ ”  เขาพูดขณะนอนลืมตาอยู่ในความมืด

ฉันเปลี่ยนยังไง

ไม่เหมือนเดิม

ตอนไหน

ตั้งแต่เข้าไปอยู่ในเพิง พักหลังนี้ยิ่งแปลกฉันใจไม่ดี

บางวันฉันเห็นนั่งนิ่งอย่างกับหุ่น  เข้าไปทักก็ไม่ขาน ยิ่งนานยิ่งแปลก

คิดมากไปเอง  ฉันก็เหมือนเดิม ”  คำงายพูด

ไม่เหมือน  อย่างกับเป็นคนละคน ฉันแทบจำไม่ได้

บางวันเขาสลักช้างเพลินจนลืมไปโรงสตัฟฟ์กว่าจะรู้ตัวก็บ่าย  เขาจมอยู่กับการสลักช้างมากขึ้น  เคยขาดงานติดต่อกันหลายวัน

พ่อเลี้ยงจ้างช่างสตัฟฟ์กับช่างแกะแผ่นผนังมาเพิ่มอย่างละคน  พวกเขาทำอยู่ไม่ทันครบสองเดือนก็ลาออก

พ่อเลี้ยงจ้างคนใหม่เข้ามาอีก  คราวนี้เป็นผู้ใหญ่กว่า แต่ก็ลาออกเมื่อครบสามเดือน คำงายรับงานทั้งหมดเหมือนเดิม  ขณะเขาสลักช้าง รู้สึกห่วงหน้าห่วงหลัง  แบ่งเวลาไม่ถูก  เขามักขลุกอยู่กับขอนในเพิงจนลืม

ในโรงสตัฟฟ์  บุญฮามสังเกตคำงายนั่งเหมอ

มีอะไรให้ช่วยไหม”  บุญอามมักจะปลอบเขา

อายุเราก็มากแล้ว  ถ้าบวชเป็นพระป่านนี่คงเป็นสมภาร  ทำงานไปเถอะ  ไม่ใช่เด็กแล้ว

เขาพูด

คำงายไม้เข้าใจ  ไม่รู้ว่าบุญฮามตำหนิที่เขาขาดงานบ่อย  หรือเพียงแค่ปรับทุกข์เรื่องชีวิต

แดดยามเย็นพุ่งเข้าเป็นลำเข้าไปถึงในเพิงไม้ชิงชัน  เขาทำช้างไปได้มาก มีรูปทรงและรูปร่างสวยงาม  ยังเหลือแต่ขัดเกลาและตกแต่งรายละเอียดเล็กน้อย

                เขาค่อยๆ  แต่งทีลำนิดอย่างระมัดระวัง   ขณะทำเขาก็พบข้อบกพร่องอยู่เรื่อยๆ  บางทีเขาก็ปลอบใจตัวเอง

วันนี้คงดีที่สุดแล้ว”  พอถึงวันรุ่งขึ้น  เขาก็เห็นส่วนที่ต้องแก้ไขอีก  เขาหมกตัวอยู่ในเพิงมากขึ้นเรื่อยๆ  จิตใจจมอยู่กับช้างไม้ ไม่สนใจวันคืน  บางครั้งจุดตะเกียงทำท่ามกลางความมืด  เขาติดพันกับงานจนไม่อยากหยุด  รู้สึกเวลาผ่านไปเร็วมาก

เขาตกแต่งใบหูที่บางอย่างระมัดระวัง

เร่งไม่ได้  เขาคิด  ฉันอยากให้กลางวันยาว ๆดวงอาทิตย์ไม่ตกเร็ว  เขานึกถึงวันแรกที่พยายามจะแกะช้าง  ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร  เขามักไปนั่งริมตลิ่งกับแอ   รู้สึกหวิวใจ  รู้สึกโหยหาบางอย่างที่ห่างไกล

ขณะเพ่งดูรอบๆช้างไม้  นี่ถ้าฉันไม่ต้องไปโรงสตัฟฟ์  ก็คงได้ทำเต็มที่

มันพอหรือยัง  เขาคิดขณะถอยออกมาดูห่างๆ ยังขาดอะไรอีก  ฉันใส่เวลาหลายปีใส่กำลังใจ  ใส่ความอดทน  มีความสุข  ความทุกข์  ความกลัว  ความกล้า   และอะไรอีกเยอะแยะรวมกันอยู่ในนั้น

กี่ปีแล้วนะนี่  เขาคิด  ฉันอยู่ในนี้นานมากทีเดียว  เขาจำวันแรกที่เตรียมค้อนกับสิ่วเข้าในเพิง  แอยังเล่นกระโดดอยู่กับช้างก้านกล้วย แต่เดี๋ยวนี้แกโตมาก  วิ่งขึ้น-ลงตลิ่งไปตกปลาในแม่น้ำแทบทุกวัน

หลังจากผ่านมาถึงวันนี้  เขารู้สึกคล้ายโล่งอก  ที่ได้ขจัดอะไรบางอย่างออกจากใจ  เขาไม่เคยนึกถึงวันนี้มาก่อน  เขาคิดแต่จะต้องทำ  เพราะมันเป็นหน้าที่  เป็นความรับผิดชอบอะไรสักอย่าง  ทีมีแรงกระตุ้นลึกๆ ข้างในให้เขาพยายามจับสิ่วขึ้นตอก

ในใจเขามีบางอย่างซ่อนเงียบๆ เขาคิดถึงพลายสุด  พอถึงวันนี้ช้างนั่นไม่ใช่อะไรอื่น  เขาเห็นเป็นเพียงเครื่องหมาย  บอกระยะทาง  ที่ผ่านเข้าไปจนถึงมัน  เวลายาวนานที่จมอยู่กับมัน จนผมดำมีหงอกขาวแซม

คำงายยืนเพ่งดูช้างไม้ในเพิงอยู่นาน  จนไม่ได้ยินเสียงมะจันที่เรียกให้ไปกินข้าว ไม่ว่าช้างจะถูกเอาไปทำอะไร ซื้อหรือขายไม้มีใครมันไปได้จริง  การอยู่ในเพิงตั้งแต่ก้าวเข้าไปจนกระทั่งกลับออกมาอีกครั้ง  นี่ต่างหากที่เป็นมันจริงๆ เป็นความสุข  ความทุกข์ ดีใจเสียใจ กลางวัน กลางคืน  ที่เขาใช้ไป  แล้วมันสะท้อนกลับมาอัดแน่นในตัวเขา

ก้อนนี้ในเพิงมีเศษไม้ สะเก็ดสิ่ว  ขี้เลื่อย  ปนกับท่อนไม้เล็กใหญ่ที่กองสุมเป็นพะเนิน  เหมือนกองขยะ แต่วันนี้กองขยะถูกขนออกจนเกลี้ยง  เหลือแต่ช้างเด่นตัวเดียวในเพิง

แอเดินรอบ พลางลูบไปมาตามขาและปลายงวง  แกหันมามองคำงายด้วยท่าทางอาย ๆ 

ขี่ได้ไหม

ได้

คำงายรวบตัวแกยื่นขึ้นไปสุดแขน แอเอื้อมเกาะคอช้าง  แล้วปืนขึ้นค่อม ใบหน้าเบิกบาน  สักครู่จึงเอี้ยวคอไปมา  พร้อมกับลูบบนโหนหัวและใบหู  แกตะโกนแบบควาญ  ขยับขาทั้งสอง กระตุ้นช้างให้ออกเดิน

มะจันและคำงายหัวเราะ  พ่อจะทำให้”  เขาบอกขณะชูมือรับแกลง ขณะเดินกลับขึ้นเรือน  มะจันถามแอ

ชอบไหม

สนุกดี

เหมือนช้างเป็นเลยนะ

แอหยุดคิด ทำเสียงในลำคอ เหมือน แกพูด  แล้วเงียบสักครู่ จึงส่ายหน้า  แล้วทั้งสามหัวเราะ

คำงายยืนดูช้างไม้ในวันต่อมา  หยุดดูสายน้ำ มองไปยังตลิ่งสูงชันทางฝั่งข้างโน้น แล้วกลัยเพลิง ปีนขึ้นนั่งบนคอช้างไม้

              เขาลงมาข้างล่าง เพ่งดูอีกครั้ง  มันก็เหมือนี่นา  แต่ยังขาดอะไรบางอย่าง  เขาครุ่นคิดขณะลงไปอาบน้ำในแม่น้ำ

              ระยะหลังเขามักได้ยินคนเล่าให้ฟังว่า  ควาญขี้เมา ใช้งานมันอย่างไม่สงสาร บางวันมีคนเห็นควาญเมาโซเซ พยายามจะปีนขึ้นช้าง แต่ลื่นลงมากองกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า

              ตอนพลายสุดผ่านโรงสตัฟฟ์เย็นวันหนึ่ง คำงายตะโกนขอไปด้วย  ควาญจึงพูด

              แกนี่แปลก เวลาชวนก็ไม่ไป  พอไม่ชวนก็ขอไป

              เขากลับพร้อมควาญสองสามหน เด็กหนุ่มในโรงแกะสลักบอกว่า  เขาเห็นอะไรเปียกแถวขมับพลายสุด  เหมือนน้ำเหลวสีดำ

จะตกมันนะ

แกรู้ได้ไง คำงายถาม

ไม่มีอะไรหรอก ถ้าจะตกมัน  ควาญต้องรู้ก่อน”  แต่คำงายก็ขึ้นขี่พลายสุดกลับบ้านอีก

ช้างคู้ขาหลังลากดิน  ค่อยๆ ลงชันไปข้างล่างหัวส่ายไปมา  ควาญขยับเท้าพร้อมกับเกี่ยวปลายตาขอเข้าใบหูมัน   ช้างสะบัดหัวส่งเสียงแปร๋น  คำงายคู้ตัวหมอบบนหลัง  ช้างชูงวงถอยหลังกลับสะบัดหัวเกรียวกราว  ควาญนั่งตัวตรง  เหนี่ยวตัวไม่ให้เสียหลัก พอมันสลัดอีกทีร่างควาญก็ลื่นลงข้างคอช้างมือซ้ายตะปบสายชนักประคองตัวไม่ให้แกว่ง  ช้างสะดุ้ง  มือซ้ายของควาญหลุดจากสายชนัก ควาญกระเด็นลงพื้นทราย  คำงายตกตะลึง  พลายสุดวิ่งต่อไปข้างหน้า คำงายตัวสั่น แขนครูดสัปคับจนถลอก เขาตั้งใจจะกระโดดเมื่อมันลุยลงน้ำ  แต่พลายสุดหันกลับ  วิ่งพล่านไปยังชายฝั่งด้านเดิม

คำงายรู้สึกคล้ายแว่วเสียงกลองดังสะเทือนอยู่ในอก คำงายก้มยงโย่  ตั้งท่ากระโดดหลายหนแต่ไม่กล้า คำงายคุมตัวให้เป็นปกติ พอนั่งได้กระชับ เขาก็รู้สึกสัมผัสบางอย่างจากคอช้าง  สิ่งนี้เองที่ฉันอยากรู้ เขาสัมผัสได้ถึงความมุทะลุ รุนแรงที่กำลังทะยานไปข้างหน้า ขณะดิ้นรนและวิ่งพล่าน  คำงายคิดจนลืมเรื่องกระโดดลง  ฝอยเย็นชื่นกระเด็นขึ้นใส่เขา  คำงายรู้สึกเหมือนมันอ่อนแรงลงทีละน้อย  แต่กลบยึดแน่นบนคอต่อไปอีก ความตกใจกลัวลดลงน้อยเกือบหมด  ความรู้สึกเขาค่อยสงบลงเหมือนเดิม  ขณะร่างพลิ้วไปข้างหน้า ลมเย็นปะทะเข้ามา  จิตใจที่บอบบาง ความกล้าและอดทน

มันประสานกลมกลืนจนไม่มีความเหินห่าง  เราเพียงแต่มาพบกันมารู้จักกันเราไม่ได้มาเอาจากกัน  คำงายถอนหายใจ

หลังจากวันนั้น คำงายเงียบขรึมลงกว่าเดิม พอเสร็จงานสตัฟฟ์แต่ละชิ้นก็จะไปนั่งพักใต้เงาฉำฉา  เขารู้สึกตรงข้ามกันกับเมื่อวันที่ออกจากเพิงช้างไม้ครั้งหลัง แต่เมื่อได้เผชิญกับความมีชีวิตของพลายสุดเขากลับหวั่นไหวและรู้สึกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย  มันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ช้างไม้ไม่มี  มันเป็นเพียงซุงที่แข็งทื่อ เป็นซากของไม้ตาย

เขานิ่งเฉย รู้สึกแปลกใจตัวเองที่ขลุกอยู่กับช้างไม้มานานอย่างจมลึก  คำงายผงกหัวเหมือนครุ่นคิด เขานิ่งเงียบอยู่บนบ้าน ไม่มีความกระตือรือร้นและความมุ่งมั่นเหมือนแต่ก่อน

พ่อเลี้ยงชอบช้างไม้ตัวใหญ่ แกเคยพูดกับลูกค้าที่มาเยี่ยมชมโรงแกะสลัก  ทำไมต้องเอาไม้ใหญ่มาทำช้างนะ คำงายคิด คนเรานี่แปลกจริงๆไม้ใหญ่มันก็ใหญ่ของมันอยู่แล้วแต่คนกลับไม่เห็นความสวยและค่าของมันตอนมีร่มเงา มีชีวิตกลับโค่นมัน แล้วเอามาแกะให้เหมือนซากช้าง ชื่นชมมันมากกว่าได้เห็นช้างจริงหรือต้นไม้ที่มีชีวิตเสียอีก

คำงายเอาแผ่นไม้สักมาไสทำเป็นเฟี้ยมลับแล ตั้งเป็นฉากกั้น  บังช้างไม้ไว้ข้างหลัง

ว่างๆ จะทำต่อ   เขาบอกมะจัน แล้วปล่อยให้หยากไย่ระโยงรยางค์อยู่ข้างใน เป็นม่านสีหม่น 

แม้แต่แอก็เกินกว่าที่จะสนุกกับช้างไม้ แกไม่กระตือรือร้นที่จะเข้าไปดูมัน ในแม่น้ำมีอะไรน่าสนใจกว่า แกถือคันเบ็ดกับกระป๋องเหยื่อลัดเลาะตามชายฝั่งแทบทั้งวัน ตอนน้ำขั้น เมื่อมีซุงลอยเปะปะ แอมักว่ายออกไปรับซุงกับเพื่อนๆ บางทีสายน้ำพัดแกออกนอกไปไกลลิบ  มีคราวหนึ่ง  แอเป็นตะคริว ตัวงออยู่ในน้ำเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ ลากแกขึ้นไปนอนบนฝั่ง พอหายแกก็กระโดดตามลงไป หัวเราะสนุกสนาน

แกจับไส้เดือนจากสายน้ำ เกี่ยวเบ็ดแล้วก้าวขึ้นแพที่เทียบอยู่ริมฝั่ง  แกกางขา ทรงตัวมั่น แล้วยกสายเบ็ดดึงปลาสังกะวาดขึ้นมา  เมื่อแพกระทบ ซุงกระเทือนพลิกไหวยวบ จนแกเซ แต่พอปลาติดก็ดึงผ่านร่องแคบขึ้นมาไม่ได้  มันดิ้นจนหลุด

เมื่อเทียบอยู่สักครู่ พอสายน้ำเปลี่ยน มันก็คลายเกาะเกี่ยว ก่อนที่มันจะไหลไปกลางแม่น้ำ แอหย่อนสายเบ็ดลงข้างแพ สายเบ็ดที่ไหวไปมาถูกกระตุกถี่ๆแล้วดึงยาวลงล่าง แกตวัดคันเบ็ด

ซุงอีกแพหนึ่งเคลื่อนใกล้เข้ามา แปเบนปลายคันเบ็ดเข้าใน ปลาหลุดกระทบซุง แอกระโดดตะปบ เงี่ยงตำมิดฝ่ามือ เลือดปริ่มรูแผล ปวดและร้าวไปถึงต้นแขน แกจ้องอย่างตกใจตรงรอยตำ ขยับเท้าออกจากที่เหยียบตะไคร่สีเขียวของไหล่ซุง เสียหลักล้ม หัวกระแทกท่อนไม้แกจุกจนตัวงอ

คนบนฝั่งใกล้ๆ กันร้องเอะอะขึ้น คำงายกำลังรอเรือจ้างจะข้ามไปโรงสตัฟฟ์ เขารีบวิ่งมาบนแพ สักครู่เขากับเพื่อนบ้านก็หาท่อนไม้ช่วยกัดงัดแพด้านนอก อย่างลุกลี้ลุกลน คำงายพุ่งตัวลงพื้นน้ำ เขาควานเปะปะไปทั่ว เขาดำผุดดำโผล่อยู่อย่างนั้น  เพื่อนบ้านคนหนึ่งแบกแหวิ่งลงมา แล้วเหวี่ยงแหไปทางทิศต่างๆ คนอื่นเข้ามาสับเปลี่ยน  เสียงเอะอะดังขึ้น เมื่อร่างคนติดอยู่ในแหที่สาวเข้ามา พวกเขารีบปลดแอออก แล้วบีบท้องให้น้ำทะลักออกจากปาก สักครู่จึงขยับเข่า แต่แอยังนิ่ง อาการลุกลี้ลุกลนของพวกเขาค่อยๆ สงบลง พร้อมกับวางร่างที่อ่อนปวกเปียกของแอกับพื้นดินอย่างหมดหวัง

มะจันวิ่งหน้าตาตื่นลงมา นัยน์ตาตระหนก คำงายอุ้มร่างแอขึ้นคว่ำบนบ่า เขย่าน้ำให้ออก สูงขึ้นไปข้างบน ตรงขอบตลิ่ง มีคนเกาะกลุ่มยืนดูอยู่

บุญฮามตอกสิ่วลงบนเนื้อไม้ มีเงาคนผ่านวูบเข้าไป พอเขาเงยหน้าขึ้นมอง ก็รีบตะโกนเสียงดัง

อย่าโยน แต่ไม่ทัน

บุญฮามทำสตัฟฟ์แทนคำงายมาหลายวัน คำงายหยุดงาน ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ี๋ยวนี้เคร่งขรึม  ตอนแรกเหตุการณ์ทำท่าจะขลุกขลัก คำงายไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ร่างลูกชาย นอกจากเห็นเขากอดร่างแอแนบอก ไม่สนใจทุกอย่างรอบข้าง  คำงายก้มหน้าก้มตาอยู่กับงานตลอดวัน ไม่คุยกับใคร บางทีเห็นเขานั่งเหมอลอยไม่สนใจงานที่วางอยู่ตรงหน้า ได้แต่ถอนหายใจอย่างเงียบๆ

ลูกค้าของพ่อเลียงชุดหนึ่งแวะมาโรงสตัฟฟ์แต่ละคนถือปืนยาวแบบแปลกๆพร้อมเดินเข้าป่าไปเป็นกลุ่ม ตอนเย็นคำงายเห็นพวกเขาหิ้วกวางออกจากรถ เอาไปวางไว้หน้าโรงสตัฟฟ์ พวกเขาคุยกันอย่างสนุกสนาน ราเริง เต็มไปด้วยความภูมิใจ

ก่อนกลับ ลูกค้าคนหนึ่งบอกคำงายว่า สตัฟฟ์ให้ดีนะ เอาให้สวย   “ทำให้มันเหมือนกับมีชีวิตเลยนะ

              พื่อนอีกคนของลูกค้าที่นั่งติดกันพูดเสียงดังก่อนที่รถจะติดเครื่อง ก็ให้เขาสตัฟฟ์ชีวิตเสียเลยซิ จะได้เป็นชีวิตจริงๆ

              พวกเขาหัวเราะร่วนอย่างขบขันและครื้นเครงจนรถเคลื่อนออกจากที่

              สตัฟฟ์ชีวิต  คำงายพึมพำคำพูดที่พึ่งได้ยินเมื่อกี้ แล้วยิ้มคนเดียวเงียบๆ เมื่อคิดถึงคำนี้แล้วอดขำไม่ได้ คำงายจ้องซากกวางกับค่าง แล้วถอนใจ คำงายพูดกับตัวเอง สตัฟฟ์ชีวิต จะทำได้อย่างไร เขาไม่อยากให้บุญฮามรู้ว่าเขาคิดอะไร ถ้ารู้ บุญฮามต้องหัวเราะแน่  คำงายชอบจำคำพูดของคนอื่นมาพูดกับเพื่อน เขารูสึกมันทำให้ดูขังดี

              ตอนหลัง เมื่ออายุมากขึ้น เหตุการณ์หลายอย่างที่พบ ทำให้เขาเข้าใจอะไรมากขึ้น เขานึกถึงร่างของแอที่อ่อนน่วมขณะแบกบนบ่า ตัวเย็นชืด สงบนิ่ง เขาสะท้านเยือก เมื่อสัมผัสถึงบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม ไม่มีชีวิต แต่เป็นร่างที่กำลังจะเน่าเปื่อยลงอย่างเร็ว คำงายลุกขึ้นแล้วเข้าไปข้างในสักครู่ใหญ่ ก็เดินหน้าซีดกลับออกมาหาบุญฮาม

              คำงายรู้สึกตัวสั่น ไม่รู้สาเหตุ จนเมื่อกลับถึงบ้านเย็นวันนั้น ก็คงไม่เข้าใจ ฉันคงคิดถึงแอมาก

เขานึกถึงแอตอนแกล้างปลาในแม่น้ำจนสะอาด ดึงไส้ออกทิ้ง แล้วร้อยเป็นพวง หิ้วกลับบ้าน มันเป็นอาหารคำงายพูดกับตัวเองใครๆก็ทำอย่างนี้ ไม่เห็นแปลกตรงไหน

แกชอบซากสตัฟฟ์ไหมบุญฮาม เขาถามขึ้นมาอย่างปุบปับ

บุญฮามมองหน้าเขางงๆ  ถามทำไม

คำงายนิ่ง ไม่รู้จะพูดอย่างไร เขารู้สึกเฉยๆ สัตว์พวกนี้เคยมีชีวิตมาแล้วทั้งนั้น  มันถูกยิงตาย

แล้วคนก็จะทำซากมันให้ดูคลายมีชีวิต

             คนเรานี่แปลก  ควักไส้พุงมันออกปลิดหัวใจมันทิ้ง  มองหาชีวิตจากซากของมัน

              เราจะฆ่าชีวิต  เพื่อสร้างชีวิตได้อย่างไร เขาถาม

              แกคิดมากไป บุญฮามพูด

              คำงายนิ่งเงียบ  แปลกจริงๆเขาคิด  เห็นมันสวยแล้วอยากฆ่า  แต่ทำไมบอกเสียดายที่ไมได้ยิงมัน ฉันไม่เข้าใจเลย

              คราวหนึ่งคำงายบรรทุกซากสตัฟฟ์และรูปแกะสลักไปพบขบวนศพที่เดินช้าๆ อีกสักครู่ เขาหันไปมองข้างหลัง

              คล้ายกับพวกเขาไปส่งซากบนรถเรางั้นแหละ

              แกนี่แปลกจริงๆ บุญฮามพูด เมื่อไหร่จะทำใจไดซักทีแอมันตายไปตั้งนานแล้ว แต่เขารู้สึกว่าแอพึ่งจากไปไม่นานนี่เอง  เขาฝันเห็นแกบ่อยด้วยความดีใจ คืนหนึ่งเขาเห็นแอขี่ช้างไม้เดินออกมา เขาพยายามนึกภาพเพื่อเล่าให้มะจันฟังไม่แน่ใจว่าเขาขี่ช้างมาหาเขาหรือขี่มันออกไปจากตัวเขา

              เมื่อเล่าจบ มะจันนิ่งเฉย ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา เขาไม่ได้ฝันแบบนั้นมานาน พอหลังแอตาย เขามักจะเห็นสายหมอกมารอยเรี่ยอยู่ปลายจมูกพยายามจะจับแต่ไม่เคยได้ ฉันเอามันมาเก็บไว้ไม่ได้ เขาคิด แต่ฉันพาตัวฉันเข้าไปหามันได้

              มะจัน เขาเอ่ยเบาๆ แล้วเงียบลงอย่างเดิม แต่กลับง่วนอยู่กับการทอผ้า แทบไม่เงยหน้ามองใคร

              ยามว่าง เธอจะตาเหม่อไร้จุดหมาย ในบ้านเงียบเชียบ เธอและเขาแทบมิได้ปริปากพูดจานอกจากเวลาที่เพื่อนบ้านแวะมาเยี่ยม แต่ทั้งสองก็มักจะเป็นผู้ฟังมากกว่า

              มะจันไปเยี่ยมแม่ของเธอ และพักอยู่ที่ลำปางหลายวัน แต่ก็ยังเงียบขรึมเหมือนเดิม เธอพยายามทำงานจนไม่ว่าง นอกจากทอผ้าและก็หาหมูมาเลี้ยงเพิ่ม ทุกเช้าเย็นจะก้มๆเงยๆ อยู่ตามตลิ่ง รดน้ำ พรวานดิน และเก็บผักใส่ตะกร้าใบเล็ก เมื่อวันที่เธอจะออกจากงานร้านขายสตัฟฟ์มาอยู่กับคำงาย  มีเพื่อนๆหลายคนพยายามคัดค้าน

              เมื่อพบกันครั้งหลัง เพื่อนเธอถามด้วยอารมณ์สนุก เมื่อเห็นสภาพมอซอของเธอ 
เป็นไง ลำบากใช่ไหม

เธอเพียงแต่ยิ้ม เธอส่ายหัวและคิดถึงสายน้ำยม และตลิ่งสูงที่เป็นภาพชินตา เธอรู้สึกแปลกใจในตัวเองเหมือนกันที่อยู่มาได้จนบัดนี้

ไปเนินเขาเถอะคำงายเอ่ยเบาๆ เมื่อเห็นเธอถอนใจ ซ่อนความรู้สึก เธอกอดอก ห่อไหล่ เดินเคียงคำงาย เมื่อเดินทะลุถึงเนินโล่ง ก็เห็นกลุ่มหมอกลอยเรี่ยคลุมยอดเนินจนหนาทึบ ขาวโพลนไปทั่ว

เธอปละเขานั่งลงบนแคร่ใต้ต้นไม้บนยอดเนิน รู้สึกถึงสัมผัสของความอ่อนละมุนบางเบาและสะอาดน็นาสพเกรนเพเน

ต้นไม้ติดแคร่นั้น มีสีเขียวสด แผ่กิ่งใบเหนือหัว เขานิ่งมองอยู่นานทุกครั้งที่เห็น มันโรยอย่างรวดเร็ว กลีบร่วงลงกองโคนต้นจนพื้นดินกลายเป็นสีเหลืองสด

              ดูดโน่นซิ ”  คำงายเขยิบตัวบนแคร่ใต้ต้นดอกเหลือง แล้วชี้ไปทางกลุ่มหมอกข้างหน้า