Custom Search

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

การป้องกันความรุนแรง

การป้องกันความรุนแรง

ความขัดแย้งของบุคคลเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้   แต่ทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องหาวิธีการจัดการความขัดแย้งอย่างสันติและสร้างสรรค์   เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงในสังคม   อันอาจจะก่อให้เกิดการใช้กำลังทำร้ายกันซึ่งจะนำไปสู่การบาดเจ็บ  และความสูญเสียสุขภาพหรือถึงแก่ชีวิต

ความหมายและประเภทของความรุนแรงในสังคม

ความรุนแรง   หมายถึง     การใช้กำลัง  วาจา   โดยเจตนาเพื่อข่มขู่    คุกคาม   หรือลงมือกระทำ   ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น   กลุ่มคนหรือชุมชน ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ   เสียชีวิต   หรือได้รับผลกระทบทั้งทางกายและจิตใจ  หรือทำให้ผู้ถูกกระทำอยู่ในภาวะยากลำบาก

ประเภทความรุนแรงในสังคม

ความรุนแรงที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป   ได้แก่

ความรุนแรงในครอบครัว

เป็นการกระทำทารุณหรือทำร้ายบุคคลในครอบครัวเดียวกัน   เกิดได้ใน  2  ลักษณะ   ได้แก่  ผู้ใหญ่เป็นผู้กระทำ    เช่น   การทำร้ายคู่ครอง   การทำร้ายผู้สูงอายุ   และกรทำร้ายเด็ก   และเด็กเป็นผู้กระทำ    ได้แก่   การทำร้ายพี่น้อง   และการทำร้ายผู้ใหญ่

ความรุนแรงในชุมชนหรือสังคม

เป็นความรุนแรงที่เกิดและส่งผลกระทบต่อบุคคลในสังคม   รวมถึงการชกต่อย  ตบ  ตี   กักขังหน่วงเหนี่ยว    การกลั่นแกล้งด้วยวิธีต่างๆ   การทอดทิ้ง    การประทุษร้ายต่อทรัพย์    การทำร้ายร่างกาย    การข่มขืนกระทำชำเรา   การฆ่าและพยายามฆ่า

      ความรุนแรงในสังคม

ความรุนแรงในโรงเรียน  เช่นการทำร้ายกัน   ยกพวกตีกันในโรงเรียนและตีกันระหว่างโรงเรียน   เด็กเล็กถูกเด็กโตรังแก  ข่มขู่เอาเงิน   หรือสิ่งของมีค่า   นักเรียนยิงกัน

ปัญหาความรุนแรง

    ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันมรมากมายและพบเห็นทั่วไป   เกิดขึ้นกับคนทุกเพศทุกวัย  ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่   เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์   หรือโทรทัศน์อยู่เสมอๆ   ได้แก่

1.   การถูกทอดทิ้ง  ดังจะพบในข่าวตามสื่อมวลชนต่างๆ   อยู่เสมอว่าเด็กแรกเกิดถูกนำไปทิ้งในที่สาธารณะต่างๆ  เด็กเล็กถูกทอดทิ้งไม่ดูแลเอาใจใส่

2.  เด็กถูกทำร้าย   เด็กจำนวนหนึ่งถูกบังคับให้ทำงานมากและหนักเกินกำลัง   ถูกทารุณ   ถูกทุบตีถ้าทำงานไม่ได้ตามเป้าหมาย   บางคนหนีออกจากบ้านกลายเป็นเร่ร่อน     เป็นการทำร้ายทั้งทางกายและจิตใจ

3.   การล่วงละเมิดทางเพศ   มีทั้งในวัยเด็กและผู้ใหญ่  ผู้ชายและผู้หญิง   เด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศจากบุคคลในครอบครัวในครอบครัว   บางครั้งพ่อกระทำต่อลูกเอง   หรือถูกกระทำจากบุคคลใกล้ชิดหรือคนแปลกหน้า    ถูกล่อล่วงไปข่มขืน   เป็นการทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ

4.   การทำร้ายคู่ครอง   เช่น  สามีทำร้ายร่างกาย   หรือทำร้ายจิตใจภรรยา   โดยการไปมีผู้หญิงอื่นไม่เลี้ยงดูครอบครัว

5.  ทอดทิ้งผู้สูงอายุ    ผู้สูงอายุที่ฐานะยากจนมักทอดทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวและอดอยากไม่มีเงินใช้   ไม่มีอาหาร   ต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมาน

6.  ความรุนแรงในวัยรุ่น   เช่น  การทะเลาะวิวาท   ชกต่อย   ทำร้ายกัน   โดยเฉพาะความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากค่านิยมที่เกี่ยวกับสถาบันการศึกษา

7.   ความรุนแรงในสังคม   คนถูกทำร้าย   ถูกแย่งชิงทรัพย์สินตามที่สาธารณะมีมากขึ้นมีผู้ที่ทำร้ายบาดเจ็บและตายเพื่อต้องการทรัพย์สิน   เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นเกิดในสังคมมากขึ้น



 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สาเหตุที่นำไปสู่ความรุนแรงในสังคม

สาเหตุปัญหาความรุนแรงในปัจจุบัน

ความรุนแรงในสังคมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน    เกิดขึ้นจาก

1.  ค่านิยมและเจตคติ    สังคมยังมีค่านิยมและเจตคติที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันของชายและหญิง 

2.  ครอบครัว   พฤติกรรมของคู่สมรสก่อให้เกิดความรุนแรงในครอบครัว   เช่น  การนอกใจ   คู่สมรส   การติดสุรา   การพนัน   การไม่ช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ในครอบครัว

3.  สภาวะเศรษฐกิจ   ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ   ค่าครองชีพสูง    การว่างงาน   ทำให้เกิดความเครียด   และนำไปสู่ความรุนแรง   นอกจากี้ลักษณะการใช้จ่ายเกินตัว   วัตถุนิยม   ทำให้มีการกู้หนี้ฉกชิงวิ่งราว   และก่ออาชญากรรมอื่นๆ

4.  สื่อ   การนำเสนอข้อมูลข่าวสารทางลบ   การเสนอภาพลามก   อนาจาร   รวมทั้งการเสพของมึนเมาและการเที่ยวในสถาบันเทิงต่างๆ

5.  การศึกษา  ยังไม่สามารถสอนให้เกิดการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยเหตุผลและสันติวิธี   การควบคุมตนเอง   และทักษะการสื่อสารที่ดี   ทำห้ำไปสู่การใช้ความรุนแรง

แนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาความรุนแรง

การป้องกันการเกิดปัญหาความรุนแรง

การป้องกันการเกิดปัญหาความรุนแรงต้องเริ่มต้นจากสถาบันครอบครัว  โรงเรียน   ชุมชนทั้งภาครัฐบาลและเอกชน   ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน

1.  ครอบครัว   เป็นสถาบันทางสังคมที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยป้องกันการเกิดปัญหาความรุนแรง

2.  โรงเรียนเป็นสถาบันที่สองที่นักเรียนจะต้องเข้าไปศึกษาเล่าเรียน   โรงเรียนจะมีกฎเกณฑ์ของสังคมที่จะต้ออยู่จำนวนมาก  ถ้าไม่มีกฎระเบียบก็จะเกิดความวุ่นวาย

3.  ชุมชน   ในชุมชนต่างๆ  ทุกชุมชนมีผู้นำชุมชนเป็นผู้ประสานงานและมีกรรมการช่วยกันกำกับดูแลชุมชนให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

4.  กฎหมาย  หากทุกคนในสังคมเคารพกฎหมายและปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงามความรุนแรงทั้งหลายก็จะลดลง

5.  หน่วยงานของรัฐและเอกชน    มักมีการประสานงานเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาความรุนแรงในชุมชน

 

 

     

 



 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สรุป

  การใช้กำลัง  การข่มขู่   คุกคาม  รุกรานสิทธิหรือเสรีภาพส่วนบุคคลทำให้ผู้ถูกกระทำได้รับผลกระทบทั้งทางกายและใจ    จัดเป็นความรุนแรงซึ่งคนส่วนใหญ่ในสังคมไม่ต้องการให้เกิดขึ้น    เพราะเมื่อเกิดความรุนแรงขึ้นไม่ว่าในที่ใดก็จะทำให้บุคคลที่อยู่ในสถานการณ์ความรุนแรงนั้นเดือดร้อน  วุ่นวาย   นอกจากนี้ความรุนแรงอาจนำไปสู่การบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้   ดังนั้น  ทุกคนในสังคมหรือช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นกับตนเอง   และบุคคลรอบข้าง   และหากเกิดขึ้นควรมีแนวทางแก้ไขอย่างเหมาะสม