ที่มาของกระดาษสา
ประวัติการดำเนินงานเริ่มจากครอบครัว ของนายเจริญ หล้าปินตา ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน เริ่มทำกระดาษสามานาน 20 กว่าปีแล้ว โดยนายเจริญ ได้สืบทอดการทำกระดาษสามาจากคุณทวด ซึ่งในสมัยก่อนนั้นไม่ได้ทำกันอย่างแพร่หลายเหมือนสมัยนี้ จะทำกันเฉพาะเมื่อต้องการเขียนยันต์ ทำไส้เทีนย และทำตุงของเชียงใหม่เท่านั้น ตั้งแต่นั้นมาก็ได้มีการพัฒนาการทำกระดาษสาจากที่เคยทำสีขาวก็คิดหาวิธีทำเป็นหลาย ๆ สีและมีลวดลาย มากยิ่งขึ้น ซึ่งปรากฎว่าได้รับความสนใจจากคนไทยและต่างประเทศเป็นอย่างมากทำให้ท่านมีกำลังใจที่จะผลิตงานศิลปะกระดาษสามากยิ่งขึ้น แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น สมุดโน๊ต อัลบั้ม ถุงกระดาษ กล่องใส่เครื่องสำอาง ดอกไม้ ฯลฯ และยังได้เผยแพร่ กระทำกระดาษสาไปยังหมู่บ้านอื่นสอนวิธีการทำกระดาษสาเพื่อเป็นการอนุรักษ์ ศิลปะของไทยอีกด้วย ที่ยึดหลักการประกอบอาชีพในการทำกระดาษสา สืบทอดจากบรรพบุรุษของบ้านต้นเปา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตกระดาษสาดั่งเดิมของเชียงใหม่ โดยในอดีตการทำกระดาษสานั้นเพื่อนำไปใช้ในการผลิตร่มและพัด โดยแหล่งผลิตร่มและพัดอยู่ที่บ้านบ่อสร้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังใช้ในการทำไส้เทียน ทำตุง และทำโคมลอย ซึ่งกระดาษสายังไม่เป็นที่ต้องการของท้องตลาดมากนัก การทำกระดาษสาจึงอยู่เฉพาะครอบครัวของนายเจริญ และนางทองคำ เหล่าปิ่นตา เท่านั้น จนกระทั่งต่อมากระดาษสาและฟลิตภัณฑ์ กระดาษสาได้มีการส่งเสริมอุตสาหกรรม กรทรวงอุตสาหกรรรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อย่างจริงจังประมาณปี พ.ศ. 2537 - 2538 มีการจัดงานแสดง และจำหน่ายกระดาษสาและผลิตภัณฑ์ การจัดการประกวดกระดาษสา ตลอดทั้งการฝึกอาชีพการผลิตกระดาษสาและผลิตภัณฑ์ การบริการใหห้คำปรึกษาแนะนำพัฒนาเทคนิคการผลิต เครื่องมือเครื่องจักรในการผลิตต่าง ๆ ทำให้คนเริ่มรู้จักและสนใจกระดาษสากันมาก และรู้จักบ้านต้นเปาว่าเป็นแหล่งผลิตกระดาษสาด้วยมือ แบบดั่งเดิมของจังหวัดเชียงใหม่ กระดาษสาและผลิตภัณฑ์จากกระดาษสาจากบ้านต้นเปาได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดหลายประเภท และหลายครั้ง ชื่อเสียงของกระดาษสาบ้านต้นเปาเริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากขึ้น ประกอบกับตลาดกระดาษสาและผลิตภัณฑ์กระดาษสาในเมืองไทย เริ่มขยายต่อเนื่อง ทั้งในและต่างประเทศ บางคนมารับงานไปทำที่บ้านเป็นอาชีพเสริมให้กับครอบครัว นอกจากนั้ยังมีผู้ผ่านการฝึก การทำกระดาษสา และผลิตภัณฑ์กระดาษสา จากบ้านอนุรักษ์กระดาษสา ได้ไปประกอบอาชีพเป็นผู้ผลิตอุตสาหกรรมในครัวเรือนของตนเอง ถ้าหากไม่สามารถหาตลาดจำหน่ายได้เอง ก็จะนำผลิตภัณฑ์มาฝากจำหน่าย หรือขายให้ทางบ้านอนุรักษ์กระดาษสา |
อุปกรณ์
1. เยื่อสาที่ต้มและฟอกแล้ว
2. โม่
3. กิโล
4. น้ำเปล่าใส่ประมาณ 3/4 ของโม่
5. เศษกระดาษสา
6. สีย้อมผ้า
7. ตระกร้ายาง
8. อ่างสังกะสี
9. เฟรมขนาด กว้าง 20 นิ้วยาว 30 นิ้ว
10. ถังน้ำ
11. ขันน้ำ
12. ตระแกรงรองเยื่อ
13. สีผสมอาหาร
14. คลอรีน
วิธีทำ 1. เปิดน้ำใส่โม่ 3/4 ของโม่ 2. นำเยื่อสาชั่งกิโล ประาณ 10 กิโลกรัม 3. นำไปโม่ให้ละเอียด 4. นำเศษกระดาษสาไปโม่ แล้วนำไปชั่งกิโลประมาณ 4 กิโลกรัม 5.นำเศษกระดาษที่โม่แล้วไปโม่ผสมกับเยื่อสาให้ละเอียดเข้า กันอีก (ใช้เวลาโม่ 1ชั่วโมง ) 6.ใช้มือคนเก็บเอาเศษสกปรกออกพอเข้ากันแล้วเทออกจากโม่ 7. เทลงตระแกรงให้แห้งประมาณ 15 นาที 8. ปั้นเป็นลูกกลม ๆ ให้หยาดน้ำลูกละประมาณ 2. วิธีการทำกระดาษ 1. เอาน้ำเปล่าใส่ถังที่เตรียมไว้ประมาณ 3/4 ของถัง 2. เอาเยื่อสาที่ปั้นแล้วเอามาใส่ในถังน้ำเย็นแล้วใช้มือตีเยื่อให้ผสมกับน้ำจนแตกตัว 3. เปิดน้ำเปล่าใส่อ่างสังกะสี 1/4 ของอ่าง แล้วนำเฟรมที่เตรียมไว้ใส่อ่างน้ำให้น้ำอยู่ในเฟรมพอดีกับเฟรม 4. เทเยื่อที่เราตีแล้วลงในเฟรมที่อยู่ในอ่างใช้มือทั้งสองข้างเข้าไปตีเยื่อสาให้กระจายทั่วเฟรม ( ถ้าใส่ดอก จะใส่ดอกตกแต่งเลย หรือถ้าหากจะใส่สีให้ใส่สีเลย) แล้วค่อย ๆ ยกทีละข้าง ยกขึ้นพักไว้ให้เสด็จน้ำประมาณ 20 - 30 นาที 5. ดูให้หมาด แล้วนำไปตากแดด ถ้าแดดแรง ๆ ใช้เวลา 5 ชั่วโมงถ้าหากว่าอยากรู้ว่ากระดาษแห้งหรือยังให้ใช้มือสัมผัสดู ถ้ากระดาษชื้นแล้วไม่ติดมือถึงจะดีและถือว่าแห้งแล้ว 6. พอกระดาษสาแห้งแล้วค่อย ๆ แกะกระดาษออกจากเฟรม แล้วเคาะเบา ๆ แล้วใช้มือค่อย ๆ แงะกระดาษออกจากเฟรม | |
| 3. การทำกระดาษสาลายบาติก 1. หลังจากที่ได้กระดาษสาเป็นแผ่นแล้วใช้คลอรีนละลายกับน้ำพอคลุกคลิก 2. ใช้พู่กันจิ้มคลอรีนแล้ววาดเส้นลงในกระดาษสาตามที่ต้องการ 3. หลังจากนั้นใช้สีทาทับตามลายที่วาดไว้ 4. รอให้กระดาษแห้ง แล้วนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ |