Reported Speech
เมื่อจะนำคำพูดของใครไปเล่าให้ผู้อื่นฟัง อาจมีวิธีพูดได้ 2 วิธี คือ
1. โดยยกคำพูดจริง ๆ ของผู้พูดไปเล่าให้ฟังทั้งหมดโดยไม่เปลี่ยนแปลง เรียกว่า Direct Speech เช่น John said, "I like Mathematics". ข้อความว่า "I like Mathematics" เป็น Direct Speech
2. โดยดัดแปลงเป็นคำพูดของผู้เล่าเอง เรียกว่า Indirect Speech หรือ Reported Speech เช่น
John said (that) he liked Mathematics. ข้อความว่า "He liked Mathematics" ดัดแปลงมาจากคำพูดของ John ที่พูดว่า "I like Mathematics" ดังนั้นข้อความนี้จึงเป็น Indirect Speech หรือ Reported Speech
คำกริยาที่ใช้กับ Reported Speech เรียกว่า กริยานำ (Reporting Verbs หรือ Introducing Verbs) เช่น
1. Say (said) = พูดว่า 2. Know (knew) = รู้ว่า
3. Hope (hoped) = หวังว่า 4. Think (thought) = คิดว่า
เช่น (1) John said, "I like Mathematics." (2) John said (that) he liked Mathematics.
คำกริยา said ในประโยค (1) เรียกว่า กริยานำ (Reporting Verb หรือ Introducing Verb) ข้อความว่า (that) he liked Mathematics ในประโยค (2) เรียกว่า คำเล่า (Indirect Speech หรือ Reported Speech)
Reported Speech มี 3 แบบใหญ่ ๆ คือ
1. Reported Statement (บอกเล่าและปฏิเสธ)
2. Reported Request and Command (ขอร้องและคำสั่ง)
3. Reported Questions (คำถาม)
ซึ่งมีวิธีการเปลี่ยนจาก Direct Speech เป็น Reported Speech ที่แตกต่างกันดังนี้
1. Reported Speech แบบ Reported Statement มีวิธีการเปลี่ยนจาก Direct Speech เป็น Reported Speech
1.1 ตัดเครื่องหมาย comma (,) ออก
1.2 จะเติม that หลัง Reporting Verbs หรือไม่ก็ได้
1.3 ตัดเครื่องหมายคำพูด (Quotation mark) ออก
1.4 เปลี่ยนสรรพนามในคำพูดให้เข้ากับผู้พูด
1.5 เปลี่ยน Tense ของคำกริยาในคำพูดให้เข้ากับ Reporting Verbs ซึ่งมี 2 แบบใหญ่ ๆ ดังนี้
1.5.1 ถ้ากริยานำเป็นปัจจุบัน (Present) ไม่ต้องเปลี่ยนแปลง Tense ใน Reported Speech เช่น
Direct Speech: John says, "I like Mathematics." => Reported Speech: John says (that) he likes Mathematics. (Like และ likes เป็นคำกริยาช่องที่ 1 = Present Simple Tense ทั้งคู่)
1.5.2 ถ้ากริยานำเป็นอดีต (Past) ต้องเปลี่ยนแปลง Tense ใน Reported Speech ดังนี้
1.5.2.1) Present Simple Tense เปลี่ยนเป็น Past Simple Tense เช่น
Direct Speech: John said, "I like Mathematics." => Reported Speech : John said (that) he liked Mathematics.
1.5.2.2) Present Continuous Tense เปลี่ยนเป็น Past Continuous Tense เช่น
Direct Speech: Jenny said, "I am not going to Bangkok." => Reported Speech : Jenny said (that) she was not going to Bangkok.
1.5.2.3) Present Perfect Tense เปลี่ยนเป็น Past Perfect Tense เช่น
Direct Speech: Tom said, "I have finished my work." => Reported Speech : Tom said (that) he had finished his work.
1.5.2.4) Past Simple Tense เปลี่ยนเป็น Past Perfect Tense เช่น
Direct Speech: Malee said, "I went to Bangkok." => Reported Speech : Malee said (that) she had gone to Bangkok.
1.5.2.5) will เปลี่ยนเป็น would เช่น
Direct Speech: John and Tom said, "We will go to Bangkok." => Reported Speech : John and Tom said (that) they would go to Bangkok.
1.5.2.6) shall เปลี่ยนเป็น should เช่น
Direct Speech: They said, "We shall go to Bangkok." => Reported Speech : They said (that) they should go to Bangkok.
1.5.2.7) can เปลี่ยนเป็น could เช่น
Direct Speech: Jim said, "I can't speak Thai." => Reported Speech : Jim said (that) he couldn't speak Thai.
1.5.2.8) may เปลี่ยนเป็น might เช่น
Direct Speech: Peter said, "I may not go to Bangkok." => Reported Speech : Peter said (that) he might not go to Bangkok.
1.5.2.9) must เปลี่ยนเป็น had to เช่น
Direct Speech: My mother said, "I must go to Bangkok." => Reported Speech : My mother said (that) she had to go to Bangkok.
ข้อควรจำเพิ่มเติม
- ถ้าใน Direct Speech มีคำหรือข้อความที่เป็นเวลาให้เปลี่ยนดังนี้ Direct Speech => Reported Speech
Now => then today => that day
Yesterday => the day before / the previous day tonight => that night
Tomorrow => the next day / the following day next (week) => the following (week)
Ago => before a year ago => a year before / the previous year
The day before yesterday => two days before last (week) => the previous (week)
The day after tomorrow => later in two day's time / two days after
- ถ้าใน Direct Speech มีคำหรือข้อความที่แสดงความใกล้-ไกลให้เปลี่ยนดังนี้ Direct Speech => Direct Speech
here => there this => that these => those
2. Reported Speech แบบ Reported Request and Command การเปลี่ยนประโยคขอร้อง ขออนุญาต หรือคำสั่ง (Request or Command) เป็น Reported Speech มีวิธีการเปลี่ยน Tense คำหรือข้อความบอกเวลา และคำหรือข้อความที่บ่งบอกความใกล้-ไกล เหมือนกับ Reported Statement แต่มีที่แตกต่างกัน คือ
2.1 ใช้กริยานำ คือ tell/told (บอก), order/ordered (สั่ง), ask/asked (ขอร้อง)
2.2 ใช้ (not) to เป็นตัวเชื่อม
2.3 ถ้า Direct Speech ไม่มีกรรม (object) ให้เติมกรรมลงไปใน Reported Speech ด้วย
2.4 ถ้ามีคำว่า Please ให้ตัดออก เช่น
Direct Speech: He said, "Please don't make aloud noise." => Reported Speech: He told him not to make aloud noise.
(1) เปลี่ยนกริยานำจาก said เป็น told
(2) ใช้ not to เป็นตัวเชื่อมเพราะ Direct Speech เป็นปฏิเสธ (don't)
(3) เติมกรรม (him) เพราะ Direct Speech ไม่มีกรรม
(4) ตัดคำว่า Please ออก
Direct Speech: She told us, "Come to the party tomorrow." => Reported Speech: She told us to come to the party the following day.
(1) ใช้กริยานำว่า told เพราะ Direct Speech ใช้ told
(2) ใช้ to เป็นตัวเชื่อมเพราะ Direct Speech เป็นบอกเล่า (Come)
(3) ใช้คำว่า us เป็นกรรมเพราะ us เป็นกรรมของกริยา told อยู่แล้ว
(4) เปลี่ยน tomorrow เป็น the following day
Direct Speech: She asked her father, "Let me go to Chiangrai with Ludda." => Reported Speech : She asked her father to let her go to Chiangrai with Ludda.
(1) ใช้กริยานำว่า asked เพราะ Direct Speech ใช้ asked
(2) ใช้ to เป็นตัวเชื่อมเพราะ Direct Speech เป็นบอกเล่า (Let)
(3) เปลี่ยนกรรมจากคำว่า me เป็น her เพราะเป็นคำพูดของผู้หญิง (She)
3. Reported Speech แบบ Reported Question การเปลี่ยนประโยคคำถาม (Question) เป็น Reported Speech มีวิธีการเปลี่ยน Tense คำหรือข้อความบอกเวลา และคำหรือข้อความที่บ่งบอกความใกล้-ไกลเหมือนกับ Reported Statement แบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามลักษณะของคำถาม คือ
3.1 ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วยกริยาช่วย (Yes/No Questions) เมื่อเปลี่ยนเป็น Reported Speech ให้ทำดังนี้
3.1.1 ใช้กริยานำ คือ ask/asked (ถามว่า), wonder/wondered (สงสัยว่า, อยากรู้ว่า)
3.1.2 ใช้ if หรือ whether เป็นตัวเชื่อม มีความหมายว่า "ใช่หรือไม่" (จะใช้คำใดก็ได้)
3.1.3 เรียงคำในประโยคให้อยู่ในรูปของประโยคบอกเล่า เช่น
Direct Speech: They asked, "Can we leave now?" => Reported Speech: They asked if they could leave then.
(1) ใช้กริยานำว่า asked เพราะประโยคที่มี Direct Speech มีกริยานำว่า asked อยู่แล้ว
(2) ใช้ if เป็นตัวเชื่อม
(3) เปลี่ยนคำบอกเวลาจากคำว่า now เป็น then
(4) เปลี่ยน we เป็น they เพราะผู้พูดคือ they
(5) เรียงคำที่เปลี่ยนจาก Direct Speech ให้อยู่ในรูปของประโยคบอกเล่า คือ ประธาน + กริยา + ….……
(จากเดิม Can we …..…. เป็น they could ………)
Direct Speech: She said to me, "Does Jim like Thai food?" => Reported Speech: She asked me whether Jim liked Thai food.
(1) เปลี่ยนกริยานำจาก said เป็น asked
(2) ใช้ whether เป็นตัวเชื่อม
(3) เปลี่ยน like จากช่องที่ 1 เป็นช่องที่ 2 คือ liked
(4) เรียงคำที่เปลี่ยนจาก Direct Speech ให้อยู่ในรูปของประโยคบอกเล่า คือ ประธาน + กริยา + ….……
(จากเดิม Does Jim like …..…. เป็น Jim liked ………)
3.2 ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Question words (Wh- Questions) เมื่อเปลี่ยนเป็น Reported Speech ให้ทำดังนี้
3.2.1 ใช้กริยานำ คือ ask/asked (ถามว่า),inquire/inquired (ถามว่า), wonder/wondered (สงสัยว่า, อยากรู้ว่า),
want to know/wanted to know (อยากรู้ว่า)
3.2.2 ใช้ Question words เป็นตัวเชื่อม
3.2.3 เรียงคำในประโยคให้อยู่ในรูปของประโยคบอกเล่า เช่น
Direct Speech : They asked, "Who can speak English?" => Reported Speech: They asked who could speak English.
(1) ใช้กริยานำว่า asked เพราะประโยคที่มี Direct Speech มีกริยานำว่า asked อยู่แล้ว
(2) ใช้ who เป็นตัวเชื่อม เพราะ who เป็น question word
(3) เปลี่ยน can เป็น could
(4) ข้อความใน Direct Speech เรียงคำอยู่ในรูปของประโยคบอกเล่าอยู่แล้ว คือ ประธาน + กริยา + ……
จึงคัดลอกลงใน Reported Speech ได้เลย
Direct Speech : She said to me, "When will Jim go to Japan?" => Reported Speech: She asked me when Jim would go to Japan.
(1) เปลี่ยนกริยานำจาก said เป็น asked
(2) ใช้ when เป็นตัวเชื่อม เพราะ when เป็น question word
(3) เปลี่ยน will เป็น would
(4) เรียงคำที่เปลี่ยนจาก Direct Speech ให้อยู่ในรูปของประโยคบอกเล่า คือ ประธาน + กริยา + ….……
(จากเดิม will Jim go …..…. เป็น Jim would go ………)