Custom Search

วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สภาวะโลกร้อน

ภาวะโลกร้อน (Global Warming)

      ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หรือ​ ​ภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) เป็นปัญหาใหญ่ของโลกเราในปัจจุบัน​ ​สังเกตได้จาก​ ​อุณหภูมิ​ ​ของโลกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ​ ​สาเหตุหลักของปัญหานี้​ ​มาจาก​ ​ก๊าซเรือนกระจก​ ​ค่ะ (Greenhouse gases)

ปรากฏการณ์เรือนกระจก​ ​มีความสำคัญกับโลก​ ​เพราะก๊าซจำพวก​ ​คาร์บอนไดออกไซด์​ ​หรือ​ ​มีเทน​ ​จะกักเก็บความร้อนบางส่วนไว้ในในโลก​ ​ไม่ให้สะท้อนกลับสู่บรรยากาศทั้งหมด​ ​มิฉะนั้น​ ​โลกจะกลายเป็นแบบดวงจันทร์​ ​ที่ตอนกลางคืนหนาวจัด​ ​(และ​ ​ตอนกลางวันร้อนจัด​ ​เพราะไม่มีบรรยากาศ​ ​กรองพลังงาน​ ​จาก​ ​ดวงอาทิตย์) ซึ่งการทำให้โลกอุ่นขึ้นเช่นนี้​ ​คล้ายกับหลักการของ​ ​เรือนกระจก (ที่ใช้ปลูกพืช) จึงเรียกว่า​ ​ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect) ค่ะ

แต่การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของCO2ที่ออกมาจาก​ ​โรงงานอุตสาหกรรม​ ​รถยนต์​ ​หรือการกระทำใดๆที่เผา​ ​เชื้อเพลิงฟอสซิล (เช่น​ ​ถ่านหิน​ ​น้ำมัน​ ​ก๊าซธรรมชาติ​ ​หรือ​ ​สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ) ส่งผลให้ระดับปริมาณCO2 ในปัจจุบันสูงเกิน300 ppm (300ส่วน​ ​ใน​ ​ล้านส่วน)​ ​เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6แสนปี

ซึ่ง​ ​คาร์บอนไดออกไซด์​ ​ที่มากขึ้นนี้​ ​ได้เพิ่มการกักเก็บความร้อนไว้ในโลกของเรามากขึ้นเรื่อยๆ​ ​จนเกิดเป็น​ ​ภาวะโลกร้อน​ ​ดังเช่นปัจจุบัน

ภาวะโลกร้อนภายในช่วง10ปีนับตั้งแต่ปี​ ​.. 2533มานี้​ ​ได้มีการบันทึกถึงปีที่มีอากาศร้อนที่สุดถึง 3ปีคือ​ ​ปี​ ​.. 2533, ..2538และปี​ ​.. 2540แม้ว่าพยากรณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ​ ​ยังมีความไม่แน่นอนหลายประการ​ ​แต่การถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์ได้เปลี่ยนหัวข้อจากคำถามที่ว่า "โลกกำลังร้อนขึ้นจริงหรือ"​ ​เป็น "ผลกระทบจากการที่โลกร้อนขึ้นจะส่งผลร้ายแรง​ ​และต่อเนื่องต่อสิ่งที่มีชีวิตในโลกอย่างไร" ดังนั้น​ ​ยิ่งเราประวิงเวลาลงมือกระทำการแก้ไขออกไปเพียงใด​ ​ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งร้ายแรงมากขึ้นเท่านั้น​ ​และบุคคลที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือ​ ​ลูกหลานของพวกเราเอ

 สาเหต

ภาวะโลกร้อนเป็นภัยพิบัติที่มาถึง​ ​โดยที่เราทุกคนต่างทราบถึงสาเหตุของการเกิดเป็นอย่างดี​ ​นั่นคือ​ ​การที่มนุษย์เผาผลาญเชื้อเพลิงฟอซซิล​ ​เช่น​ ​ถ่านหิน​ ​น้ำมัน​ ​และก๊าซธรรมชาติ​ ​เพื่อผลิตพลังงาน​ ​เราต่างทราบดีถึงผลกระทบบางอย่างของภาวะโลกร้อน​ ​เช่น​ ​การละลายของน้ำแข็งในขั้วโลก​ ​ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น​ ​ความแห้งแล้งอย่างรุนแรง​ ​การแพร่ระบาดของโรคร้ายต่างๆ​ ​อุทกภัย​ ​ปะการังเปลี่ยนสีและการเกิดพายุรุนแรงฉับพลัน​ ​โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด​ ​ได้แก่​ ​ประเทศตามแนวชายฝั่ง​ ​ประเทศที่เป็นเกาะ​ ​และภูมิภาคที่กำลังพัฒนาอย่างเอเชียอาคเนย์

จากการทำงานของคณะกรรมการของรัฐบาลนานาชาติ​ ​ว่าด้วเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีองค์การวิทยาศาสตร์​ ​ได้ร่วมมือกับองค์การสหประชาชาติ​ ​เฝ้าสังเกตผลกระทบต่างๆ​ ​และได้พบหลักฐานใหม่ที่แน่ชัดว่า​ ​จากการที่ภาวะโลกร้อนขึ้นในช่วง50กว่าปีมานี้​ ​ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการกระทำของมนุษย์​ ​ซึ่งส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้นในทุกหนทุกแห่ง​ ​ประมาณ1.4-5.8องศาเซลเซียส

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปทีละเล็กทีละน้อย​ ​แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้ง​ ​และมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ​ ​ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดได้แก่​ ​ความแห้งแล้งอย่างรุนแรง​ ​วาตภัย​ ​อุทกภัย​ ​พายุฝนฟ้าคะนอง​ ​พายุทอร์นาโด​ ​แผ่นดินถล่ม​ ​และการเกิดพายุรุนแรงฉับพลัน​ ​จากภาวะอันตรายเหล่านี้พบว่า​ ​ผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ที่เสี่ยงับการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว​ ​ซึ่งได้รับผลกระทบมากกว่าพื้นที่ส่วนอื่นๆ​ ​ยังไม่ได้รับการเอาใจใส่และช่วยเหลือเท่าที่ควร​ ​นอกจากนี้​ ​ยังมีการคาดการณ์ว่า​ ​การที่อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น​ ​เป็นเหตุให้ปริมาณผลผลิตเพื่อการบริโภคโดยรวมลดลง​ ​ซึ่งทำให้จำนวนผู้อดอยากหิวโหยเพิ่มขึ้นอีก60-350ล้านคน

ในประเทศไทยและฟิลิปปินส์​ ​มีโครงการพลังงานต่างๆ​ ​ที่จัดตั้งขึ้น​ ​และการดำเนินงานของโครงการเหล่านี้​ ​ได้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์วิทยาอย่างเห็นได้ชัด​ ​ตัวอย่างเช่น​ ​การเปลี่ยนแปลงของฝนที่ไม่ตกตามฤดูกาล​ ​และปริมาณน้ำฝนที่ตกในแต่ละช่วงได้เปลี่ยนแปลงไป​ ​การบุกรุกและทำลายป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์​ ​การสูงขึ้นของระดับน้ำทะเลและอุณหภูมิของน้ำทะเล​ ​ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบนิเวศน์วิทยาตามแนวชายฝั่ง​ ​และจากการที่อุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้นนี้​ ​ได้ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนสีของน้ำทะเล​ ​ดังนั้น​ ​แนวปะการังต่างๆ​ ​จึงได้รับผลกระทบและถูกทำลายเช่นกัน

ประเทศไทยเป็นตัวอย่างของประเทศที่มีชายฝั่งทะเล​ ​ที่มีความยาวประมาณ 2,490กิโลเมตร​ ​และเป็นแหล่งที่มีความสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ​ ​โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ ​การประมง​ ​การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ​ ​และความไม่แน่นอนของฤดูการที่ส่งผลกระทบต่อการทำเกษตรกรรม​ ​มีการคาดการณ์ว่า​ ​หากระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอีกอย่างน้อย1เมตรภายในทศวรรษหน้า​ ​หาดทรายและพื้นที่ชายฝั่งในประเทศไทยจะลดน้อยลง​ ​สถานที่ตากอากาศชายทะเล​ ​รวมถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ​ ​เช่น​ ​พัทยา​ ​และ​ ​ระยองจะได้รับผลกระทบโดยตรง​ ​แม้แต่กรุงเทพมหานคร​ ​ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากผลกระทบของระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นนี้เช่นกัน

ปัญหาด้านสุขภาพ​ ​ก็เป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง​ ​จากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงนี้ด้วย​ ​เนื่องจากอุณหภูมิและความชื้นที่สูงขึ้น​ ​ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของยุ่งมากขึ้น​ ​ซึ่งนำมาสู่การแพร่ระบาดของไข้มาเลเรียและไข้ส่า​ ​นอกจากนี้โรคที่เกี่ยวข้องกับน้ำ​ ​เช่น​ ​อหิวาห์ตกโรค​ ​ซึ่งจัดว่าเป็นโรคที่แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วโรคหนึ่งในภูมิภาคนี้​ ​คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง​ ​จากอุณหภูมิและวามชื้นที่สูงขึ้น​ ​คนยากจนเป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงต่อผลกระทบ​ ​จากการเปลี่ยนแปลงนี้​ ​ประกอบกับการให้ความรู้ในด้านการดูแลรักษาสุขภาพที่ดี​ ​ยังมีไม่เพียงพอ

ปัจจุบันนี้สัญญาณเบื้องต้นของสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป​ ​ได้ปรากฏขึ้นอย่างแจ้งชัด​ ​ดังนั้น​ ​สมควรหรือไม่ที่จะรอจนกว่าจะค้นพบข้อมูลมากขึ้น​ ​หรือ​ ​มีความรู้ในการแก้ไขมากขึ้น​ ​ซึ่ง​ ​​ ​เวลานั้นก็อาจสายเกินไปแล้วที่จะแก้ไขได

 

 ผลกระทบจากสภาวะโลกร้อ

แม้ว่าโดยเฉลี่ยแล้วอุณหภูมิของโลกจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก​ ​แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อเป็นทอด​ ​​ ​และจะมีผลกระทบกับโลกในที่สุด​ ​ขณะนี้ผลกระทบดังกล่าวเริ่มปรากฏให้เห็นแล้วทั่วโลก​ ​รวมทั้งประเทศไทย​ ​ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด​ ​คือ​ ​การละลายของน้ำแข็งทั่วโลก​ ​ทั้งที่เป็นธารน้ำแข็ง (glaciers) แหล่งน้ำแข็งบริเวณขั้วโลก​ ​และในกรีนแลนด์ซึ่งจัดว่าเป็นแหล่งน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก​ ​น้ำแข็งที่ละลายนี้จะไปเพิ่มปริมาณน้ำในมหาสมุทร​ ​เมื่อประกอบกับอุณหภูมเฉลี่ยของน้ำสูงขึ้น​ ​น้ำก็จะมีการขยายตัวร่วมด้วย​ ​ทำให้ปริมาณน้ำในมหาสมุทรทั่วโลกเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ​ ​ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นมาก​ ​ส่งผลให้เมืองสำคัญ​ ​​ ​ที่อยู่ริมมหาสมุทรตกอยู่ใต้ระดับน้ำทะเลทันที

มีการคาดการณ์ว่า​ ​หากน้ำแข็งดังกล่าวละลายหมด​ ​จะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 6-8เมตรทีเดียว

ผลกระทบที่เริ่มเห็นได้อีกประการหนึ่งคือ​ ​การเกิดพายุหมุนที่มีความถี่มากขึ้น​ ​และมีความรุนแรงมากขึ้นด้วย​ ​ดังเราจะเห็นได้จากข่าวพายุเฮอริเคนที่พัดเข้าถล่มสหรัฐหลายลูกในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา​ ​แต่ละลูกก็สร้างความเสียหายในระดับหายนะทั้งสิ้น​ ​สาเหตุอาจอธิบายได้ในแง่พลังงาน​ ​กล่าวคือ​ ​เมื่อมหาสมุทรมีอุณหภูมิสูงขึ้น​ ​พลังงานที่พายุได้รับก็มากขึ้นไปด้วย​ ​ส่งผลให้พายุมีความรุนแรงกว่าที่เค

นอกจากนั้น​ ​สภาวะโลกร้อนยังส่งผลให้บางบริเวณในโลกประสบกับสภาวะแห้งแล้งอย่างอย่างไม่เคยมีมาก่อน​ ​เช่น​ ​ขณะนี้ได้เกิดสภาวะโลกร้อนรุนแรงขึ้นอีกเนื่องจากต้นไม้ในป่าที่เคยทำหน้าที่ดูดกลืนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์​ ​ได้ล้มตายลงเนื่องจากขาดน้ำ​ ​นอกจากจะไม่ดูดกลืนแก๊สต่อไปแล้ว​ ​ยังปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาจากกระบวนการย่อยสลายด้วย​ ​และยังมีสัญญาณเตือนจากภัยธรรมชาติอื่น​ ​​ ​อีกมา​ ​ซึ่งหากเราสังเกตดี​ ​​ ​จะพบว่าเป็นผลจากสภาวะนี้ไม่น้อย

 

 

จะป้องกันได้อย่างไ

 

              ได้มีผู้แนะนำวิธีการช่วยป้องกันสภาวะโลกร้อนไว้ดังนี้ 

                      1. การลดระยะทาง
                      2. ปิดเครื่องปรับอากาศ
                      3. ลดระดับการใช้งานของเครื่องใ้ชไฟฟ้า
                      4. Reuse
                      5. การรักษาป่าไม้
                      6. ลดการใช้น้ำมั

การแก้ปัญหาโลกร้อ

แล้วเราจะหยุดสภาวะโลกร้อนได้อย่างไร

เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงว่าเราคงไม่อาจหยุดยั้งสภาวะโลกร้อนที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตได้​ ​ถึงแม้ว่าเราจะหยุดผลิตแก๊สเรือนกระจกโดยสิ้นเชิงตั้งแต่บัดนี้​ ​เพราะโลกเปรียบเสมือนเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีกลไกเล็ก​ ​​ ​จำนวนมากทำงานประสานกัน​ ​การตอบสนองที่มีต่อการกระตุ้นต่าง​ ​​ ​จะต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับเข้าสู่สภาวะสมดุล​ ​และแน่นอนว่า​ ​สภาวะสมดุลอันใหม่ที่จะเกิดขึ้นย่อมจะแตกต่างจากสภาวะปัจจุบันอย่างมาก

แต่เราก็ยังสามารถบรรเทาผลอันร้ายแรงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อให้ความรุนแรงลดลงอยู่ในระดับที่พอจะรับมือได้​ ​และอาจจะชะลอปรากฏการณ์โลกร้อนให้้าลง​ ​กินเวลานานขึ้น​ ​สิ่งที่เราพอจะทำได้ตอนนี้คือพยายามลดการผลิตแก๊สเรือนกระจกลง​ ​และเนื่องจากเราทราบว่าแก๊สดังกล่าวมาจากกระบวนการใช้พลังงาน​ ​การะประหยัดพลังงานจึงเป็นแนวทางหนึ่งในการลดอัตราการเกิดสภาวะโลกร้อนไปในตั